KhonThai America : คนไทยในอเมริกา

 ลืมรหัสผ่าน
 ลงทะเบียน
ค้นหา
แท็กยอดนิยม: ภาษาไทย แจก discuz
ดู: 4033|ตอบกลับ: 0
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ซิทคอมยุค '90 สุดฮิตเพื่อการเรียนภาษาอังกฤษ

[คัดลอกลิงก์]

1188

กระทู้

4

ติดตาม

6160

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

Rank: 8Rank: 8

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ice999 เมื่อ 2016-3-24 12:31


       sitcom (ซิทฺคอม) มาจากคำว่า situational comedy ที่หมายถึง ละครสั้นที่มีเนื้อหาตลก แบบที่บ้านเราเห็นบ่อยๆก็ บางรักซอย9 (อื้อหือ เก่าไปเนาะ) เฮง เฮง เฮง ระเบิดเถิดเทิง บ้านนี้มีรัก อะไรแบบนี้แหละค่ะ ฝรั่งเค้าก็มีนะคะ หลายเรื่องสนุกด้วย
       คำถามก็คือทำไมต้องเป็นซิทคอมยุคปี 90 ด้วย ทางเว็บไซต์ www.fluent.com เค้าให้เหตุผลมาว่า ซิทคอมในยุคนั้นมีเนื้อหาที่เหมาะกับทุกวัย ไม่มีคำหยาบ และมีความเหมือนจริงมากกว่าซิทคอมในยุคปัจจุบันส่วนใหญ่ การเรียนรู้ภาษาอังกฤษผ่านซิทคอมไม่ต่างจากการเรียนภาษาอังกฤษผ่านการดูซีรีย์ หรือภาพยนตร์หรอกค่ะ สามารถทำให้เรารู้ว่าในบริบทที่แตกต่างกันจะต้องใช้ภาษาแบบไหน แถมยังได้ความเพลิดเพลินเรียนรู้วัฒนธรรม แล้วรู้หรือไม่คะว่าถ้าลองเอาซิทคอมยุค90นี้ไปลองพูดคุยกับฝรั่งส่วนใหญ่เค้าก็จะรู้จักกัน เพราะถือว่าซิทคอมยุคนี้คือซิทคอมอัมตะที่ไม่ว่าจะผ่านกันไปกียุคสมัยความสนุกก็ยังสามารถดูได้เรื่อยๆเลยนะคะ ถ้าอย่างนั้นมาดูกันดีกว่าว่า 10 อันดับซิทคอมสุดฮิตในยุค 90 มีเรื่องอะไรกันบ้าง



1. Cheers (1982-1993

cheers-sitcom.jpg


เรื่องราวของแซม มาโลนผู้อดีตเคยเป็นพิทเชอร์คนดังของทีมเบสบอล Boston Red แต่ก็ต้องมาตกอับเพราะปัญหาการดื่มเหล้าจนทำให้ต้องตกงานเลยมาซื้อบาร์เล็กๆเพื่อเปิดบาร์หาเลี้ยงชีพโดยใช้ชื่อบาร์ว่า “Cheers” เรื่องราวจะวนเวียนเกี่ยวกับคนหลายๆคนที่เข้ามาพบกันในบาร์ อย่างไดแอน แชมเบอร์ ครูผู้ช่วยสาวที่ถูกคู่หมั้นทิ้ง เธอจึงต้องออกจากงานโดยไม่มีเงินติดตัวแล้วจึงต้องมาเริ่มทำงานเป็นสาวเสิร์ฟในร้านของแซม โดยระหว่างทำงานเธอก็มีความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นเป็นพักๆกับเจ้าของบาร์หรือแซมด้วย นี่คือสองตัวละครหลักแต่ตัวละครอื่นๆ อย่างโค้ชเบสบอลของแซม เฟรเซียร์นักจิตวิทยาผู้มีปัญหา หรือวู้ดดี้หนุ่มน้อยแสนซื่อจากจากฟาร์ม ก็มีเข้ามาทำให้เรื่องราวในบาร์ดูมีสีสันต์และน่าติดตามความสัมพันธ์ของทั้งแซมและไดแอนว่าจะเป็นอย่างไร

ทำไมเรื่องนี้ถึงเหมาะกับการเรียนภาษาอังกฤษ? นอกจากมุขตลกที่เข้าใจได้ง่ายไม่ซับซ้อน สถานที่ถ่ายทำก็มีที่เดียวทำให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจแลไม่ถูกดึงความสนใจไปเรื่องอื่น รับรองว่าพอดูซิทคอมเรื่องนี้ไปเรื่อยๆนอกจากคุณจะพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษแล้ว การพูดของคุณอาจฟังดูตลกขบขันน่าฟังขึ้นด้วย

ป.ล. ถ้าดูจบแล้วไม่มีเพลง Where Everybody Knows Your Name ติดหูก็ให้มันรู้ไป


2. Frasier (1993-2004)



พนันได้ว่าถ้าคุณดู Cheers มาซักสามสี่ตอนคุณต้องรู้จักนักจิตวิทยาเฟรเซียร์คนนี้แน่นอน เรื่องนี้ดำเนินเรื่องต่อจากซิทคอม Cheers แหละค่ะ มุขตลกหรืออารมณ์ในหนังก็จะมาคล้ายๆกัน แต่เรื่องนี้จะพูดถึงคุณเฟรเซียร์คนเดียวที่หลังจากหย่าแล้วเขาก็ตัดสินใจย้ายกลับไปบ้านเกิดของเขาที่ซีแอตเทิล และเปลี่ยนอาชีพเป็นดีเจประจำรายการวิทยุเพื่อรับปรึกษาปัญหาทางจิต โดยเขาจะได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้ฟังของเขาเพื่อเผยแพร่ความรู้ แม้ลักษณะของเฟรเซียร์ในซิทคอมจะเป็นคนแปลกไปหน่อย แต่เราก็จะรู้ว่าเขาฉลาดและมีไหวพริบ ดูไปเรื่อยๆจึงไม่แปลกที่คุณจะค่อยๆตกหลุมรักเขา เรื่องราวจะสนุกตรงที่สุดท้ายแล้วเฟรเซียร์ก็ต้องย้ายเข้ามาอยู่อพาร์ทเมนท์เดียวกันกับพ่อของเขามาติน ตำรวจวัยเกษียณ แดฟนีผู้ช่วยดูแลพ่อของเขา และที่เห็นบ่อยคือไนลส์น้องชายของเฟรเซียร์ที่ค่อนข้าง “แปลก” ความสนุกอยู่ตรงที่ทุกคนที่หลากหลายต้องมาอยู่ร่วมกันนี่ล่ะค่ะ ทำให้ซิทคอมเรื่องนี้ก็เป็นซิทคอมลำดับต้นๆที่คนติดตามในยุค 90

ทำไมเรื่องนี้ถึงเหมาะกับการเรียนภาษาอังกฤษ? ต้องบอกว่าตัวละคร เฟรเซียร์ ไนลส์ แล้วก็มาตินที่มีการออกเสียงภาษาอังกฤษที่ชัดมากกก (เพิ่ม ก.ไก่อีกสิบตัว)ดูไปเรื่อยๆคุณจะเริ่มเรียนรู้เรื่องของไหวพริบที่ดีจากเรื่องนี้ (พร้อมทั้งความสนุกและตลก)


3. The Simpsons (1989-present)



การ์ตูนที่ดำเนินเรื่องมาน่าจะนานที่สุด ไม่ได้มีเนื้อหาเด็กเลย และยังคงฉายอยู่ในปัจจุบัน ฮิตติดลมบนและแทบไม่มีใครไม่รู้จักครอบครัวซิมป์สันส์ ดำเนินเรื่องผ่านตัวละครหลักคือ โฮมเมอร์ (หัวหน้าครอบครัวผู้ไร้ความสามารถ แต่ก็ต้องพยายามควบคุมครอบครัวที่วุ่นวาย) มาร์จ (แม่ผู้จริงๆแล้วคอยสั่งการทุกอย่าง) บาร์ท (นักเรียนเกรด 4 ที่เรียนไม่ได้เรื่อง มากกว่าครึ่งของฉากที่โรงเรียนเรามักจะเห็นบาร์ทในส่วนกักบริเวณ และเป็นคู่ปรับกับผอ.โรงเรียน) ลิซ่า (น้องสาวผู้ตรงข้ามกับบาร์ททุกประการ และดูเหมือนว่าจะฉลาดกว่าทุกคนในบ้าน) และแม็กกี (น้องเล็กที่ยังเป็นเด็กทารกแต่ก็แสบใช่เล่นในบางครั้ง)

ทำไมเรื่องนี้ถึงเหมาะกับการเรียนภาษาอังกฤษ? แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นการ์ตูนแต่เนื้อหาและสถานการณ์ในครอบครัวก็เหมือนสถานการณ์ในเรื่องจริงมาก ดังนั้นการเรียนวลีภาษาอังกฤษต่างๆจากการ์ตูนเรื่องนี้อาจจะได้ผลดีกว่าการเรียนผ่านซีดีในหนังสือเรียนด้วยซ้ำนะคะ


4. The Wonder Years (1988-93)



เรื่องราวของเควิน อาร์โนลด์ในวันสามสิบที่มองย้อนไปในสมัยเขาเป็นวันรุ่นในช่วงยุค 60 ถึงยุค 70 ตั้งแต่เขาเริ่มเข้าสู่การเป็นวัยรุ่นจนกระทั่งก้าวเข้าสู่วัยกลางคน เนื้อหาแสดงให้เห็นถึงปัญหาที่วัยรุ่นส่วนใหญ่มักเจอผ่านชีวิตของเควิน ที่อาศัยอยู่ในครอบครัวชนชั้นกลาง มีเพื่อนสนิทคือพอล และแฟนเขาเขา วินนี่ ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก เรื่องราวชีวิตวัยเรียนของเควินที่ผ่านเรื่องราวแย่ๆที่หลายคนอาจเคยพบเจอ โดยเฉพาะวัยรุ่นในอเมริกา ปัญหาทั้งที่เขาแก้ได้และแก้ไม่ได้ อย่างการต้องอยู่กับพี่ชายของเขาเวย์นที่ดูเป็นคนที่เจ๋งแต่ก็ชอบคอยแกล้งเขาเสมอ ทำให้บางครั้งบ้านก็ไม่ได้น่าอยู่นักสำหรับเขา หลายคนเมื่อดูซิทคอมเรื่อนี้ก็มักจะเกิดความรู้สึกว่า “ฉันเข้าใจชีวิตของเควินจริงๆ”

ทำไมเรื่องนี้ถึงเหมาะกับการเรียนภาษาอังกฤษ? เพราะเราทุกคนล้วนต้องผ่านช่วงชีวิตจากวัยรุ่นสู่วัยผู้ใหญ่นั่นทำให้เราเกิดความเชื่อมโยงตัวเรากับเนื้อเรื่องในซิทคอมได้ง่าย ซิทคอมนี้ยังเป็นทางออกที่ดีในการเรียนรู้การพูดคุยกัน ภาษาของเหล่าวัยรุ่นว่าเค้าคุยกันอย่างไร เนื้อเรื่องก็ไม่ยากเข้าใจง่ายจากบริบทวัยรุ่นที่ทุกคนต้องเคยผ่านมา นอกจากนี้เรายังเห็นวิธีการแก้ไขข้อขัดแย้งในภาษาอังกฤษระหว่างการปฏิสัมพันธ์ของเควินและตัวละครตัวอื่นๆอีกด้วย


5. The Fresh Prince of Bel-air (1990-1996)




เรียกว่าแทบไม่มีใครไม่รู้จักซิทคอมเรื่อง “The Fresh Prince of Bel-air.”  เพราะนี่คือซิทคอมแจ้งเกิดของพระเอกคนดังของฮอลลีวูด วิลล์ สมิธ เรื่องของวิลวัยรุ่นเจ้าปัญหาที่ถูกแม่ส่งจากฟิลลาเดเฟียไปอยู่กับครอบครัวลุงกับป้าที่ร่ำรวย ชีวิตที่ Bel – air เป็นสิ่งที่แตกต่างจากชิวิตเดิมที่วิลเคยใช้ที่บ้านของเขา เรื่องราวสนุกตรงที่เราจะได้เห็นวัยรุ่นสุดฮิปที่ดูเป็นตัวปัญหาต้องพยายามปรับตัวเข้ากับสมาชิกในบ้านที่มีพื้นฐานความคิดและวิถีชีวิตแตกต่างกัน รวมทั้งปัญหามากมายที่เข้ามาทำให้วิลและครอบครัวต้องปวดหัว ถ้าลองได้ดูแล้วจะเข้าใจเลยล่ะค่ะว่าทำไมซิทคอมเรื่องนี้ถึงยังคงได้รับความนิยมอยู่แม้แต่กับเด็กในยุคปัจจุบัน


ทำไมเรื่องนี้ถึงเหมาะกับการเรียนภาษาอังกฤษ? ทุกตัวละครในเรื่องนี้จะทำให้คุณหลงรักโดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิล ที่เล่นโดยวิล สมิธ ความตลกชวนเรียกเสียงหัวเราะตลอดเวลา แต่มุขของเขาก็ง่ายต่อความเข้าใจ (อาจจะพูดเร็วบ้างแต่ก็ไม่ได้มากเกินไป) เรื่องนี้จะแสดงภาษาในแบบ Street English ภาษาอังกฤษอีกแบบที่ถูกใช้กันมากในหมู่ชนชั้นล่าง และยังได้เห็นความแตกต่างทางด้านชนชั้นของคนอเมริกาอีกด้วยนะคะ


6. Married With Children (1987-1997)



มาชวนหัวกันต่อกับครอบครัวบัดดี ครอบครัวที่เต็มไปด้วยปัญหามากมายไม่หยุดหย่อนให้ได้แก้กันทุกๆตอนที่ฉาย ดำเนินเรื่องผ่าน อัล บัดดี พ่อผู้เป็นเซลล์แมนขายรองเท้าและชอบใช้เวลาส่วนใหญ่ในการนึกถึงช่วงเวลา 20 วินาทีที่สำคัญของของในสนามฟุตบอล เพ็กกี แม่ผู้ไม่ค่อยมีหัวคิดเท่าไหร่ เธอใช้เงินส่วนใหญ่ที่อัลหามาให้กับร้านทำผมและห้างสรรพสินค้า และลูกทั้งสองคนของอัล คือเคลลีผู้รักการเข้าสังคมและปาร์ตี้ และบัดผู้รักตัวเองซะจนบางครั้งก็ลืมนึกถึงความรู้สึกคนอื่น

ทำไมเรื่องนี้ถึงเหมาะกับการเรียนภาษาอังกฤษ? การแสดงที่เวอร์วังอลังการจะถูกแสดงออกมาในทุกตัวละครในเรื่อง ต่อให้คุณไม่เข้าใจคำพูดที่ตัวละครพูดก็สามารถเข้าใจผ่านภาษากายและท่าทางของตัวละครได้ไม่ยาก ซิทคอมที่เต็มไปด้วยมุขตลกสั้นๆและมุขตลกที่เฉียบแหลมของอัลที่จะพาคุณเพลิดเพลินกับการฟังภาษาอังกฤษเลยล่ะค่ะ



7. Ren & Stimpy (1991-1996)



บางคนอาจไม่เคยได้ยินชื่อ “Ren & Stimpy” มาก่อน แต่ช่วงที่เรื่องนี้ฉายก็ได้รับความนิยมค่อนข้างมากในอเมริกา เรื่องราวเกี่ยวกับ เร็น สุนัขชิวาว่าที่มีสภาวะทางอารมณ์ค่อนข้างแย่ และสติมพี แมวผู้อัธยาศัยดีแต่ค่อนข้างโง่นิดๆ ความสัมพันธ์ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ระหว่างเร็นและสติมพีที่พยายามวางแผนร่วมกัน ซึ่งนำพาพวกเขาไปสู่สถานการณ์ยุ่งยากแต่เต็มไปด้วยความตลกทั้งหลาย ว่ากันตามจริงแล้วเรื่องนี้ค่อนข้างใช้มุขตลกที่สุ่มเสี่ยงเอาการเลยทำให้โชว์นี้เป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วในผู้ชมอเมริกา เรียกได้ว่าเทียบได้พอๆกับ ซิมป์สันส์เลยนะคะ

ทำไมเรื่องนี้ถึงเหมาะกับการเรียนภาษาอังกฤษ?
การ์ตูนเรื่องนี้เข้าใจง่าย และยังตลกและเต็มไปด้วยไหวพริบ ด้วยเหตุเพราะกลุ่มเป้าหมายหลักของคนดูเรื่องนี้คือเด็กๆทำให้การเข้าใจเรื่องไม่ได้ยากอะไรเลย ผู้สร้างมักใช้ภาพการ์ตูนที่ชัดเจนในการเล่าเรื่อง อธิบายคำ หรือสำนวนแบบตรงๆที่ทำให้เห็นมุขตลกชัดเจนและทำให้เข้าใจง่ายขึ้น



8. Family Matters (1989-1999)



ครอบครัววินสโลว์ดูจะเป็นครอบครัวปกติธรรมดาทั่วไป ถ้าไม่มีเพื่อนบ้านเป็นหนุ่มเนิร์ดเจ้าปัญหาอย่างสตีเฟน เออเคล แม้สตีเฟนจะเป็นเด็กฉลาดถึงเข้าขั้นอัจฉริยะแต่ในขณะเดียวกันเขาก็คือคนที่สามารถก่อเหตุการณ์ปั่นป่วนได้ทุกเวลา เขาชอบที่จะคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆพร้อมๆกับรบกวนเพื่อนบ้านของเขาอย่างครอบครัววินสโลว์ไปในตัว ถ้าได้ลองดูซิทคอมเรื่องนี้นอกจากการแต่งตัวสุดเห่ยของสตีฟ การันตีว่าคุณจะหลงรักเขาตั้งแต่เสียงสูงสุดน่ารำคาญ แต่ก็สามารถทำให้คุณหัวเราะได้เสมอ

ทำไมเรื่องนี้ถึงเหมาะกับการเรียนภาษาอังกฤษ? ในเรื่องนี้นอกเหนือจากภาษาที่คุณจะได้เรียนรู้ แต่รวมถึงท่าทาง และการแสดงออกซึ่งจะทำให้คุณเอาไปใช้ได้ในชีวิตจริง (อาจปรับความโอเวอร์ลงซักหนึ่งหรือสองสเต็ป) ภาษาในเรื่องที่ทุกตัวละครในเรื่องพูดก็เป็นสำเนียงที่ชัดเจน ฟังง่าย (ยกให้คนนึงคือสตีฟนะคะ มันเป็นคาแรกเตอร์ของเค้า)และมักมีการใช้สำนวนภาษาอังกฤษแทบทุกครั้ง ดังนั้นการเรียนการใช้สำนวนจากเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่เหมาะมากๆ



9. Hanging with Mr. Cooper (1992-1997)



เรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโอ้กแลนด์ แคลิฟอเนียร์ ดำเนินเรื่องตามตัวละครหลักคือ มาร์ค คูเปอร์ อดีตนักบาสเกตบอล NBA ที่ตัดสินใจย้ายกลับมาที่บ้านเกิดของเขาเพื่อเป็นโค้ชให้กับทีมบาสเกตบอลของโรงเรียนเก่าของเขา พอย้ายมาครั้งนี้เขาตัดสินใจอยู่บ้านร่วมกับโรบิน เพื่อนสมัยเรียนของเขา กับวาเนสซ่าหญิงสาวเซ็กซี่แสนมีเสน่ห์ เรื่องราวในซิทคอมเป็นเรื่องเกี่ยวกับเพื่อนร่วมบ้านทั้งสามที่มาอยู่บ้านเดียวกัน และการออกเดทอันวุ่นวายกับคนมากมายของพวกเขา พร้อมกับการพยายามปรับตัวเข้ากับอาชีพใหม่ของมาร์คในการเป็นครู

ทำไมเรื่องนี้ถึงเหมาะกับการเรียนภาษาอังกฤษ? เพราะเหตุการณ์ส่วนใหญ่เกิดที่โรงเรียนมัธยม ภาษาในเรื่องนี้เป็นภาษาง่ายๆที่ใช้กันทั่วไปในหมู่เด็กวัยรุ่นไฮสคูลในอเมริกา ดังนั้นถ้าคุณอยากเรียนรู้ภาษาที่เด็กวัยรุ่นอเมริกันมักใช้กัน ซิทคอมเรื่องนี้ก็เหมาะกับคุณมาก นอกจากนี้ยังมีการใช้ภาษาที่เหมาะสมระหว่างครูและนักเรียนแทรกอยู่ด้วยนะคะ




10. The Nanny (1993-1999)



ฟราน ไฟน์ จากครอบครัวยิวที่เพิ่งย้ายมาจากฟลัชชิง นิวยอร์ก เธอเพิ่งจะถูกไล่ออกจากงานในขณะเดียวกันก็โดนแฟนของเธอทิ้งด้วย นั่นทำให้เธอสิ้นเนื้อประดาตัวจนจำต้องไปทำงานเป็นพนักงานขายเครื่องสำอางที่แมนฮัตตันเพื่อที่จะหาเงินไว้เลี้ยงชีพ และงานในครั้งนี้ก็นำเธอไปพบกับครอบครัวของแม็กซ์เวล เชฟฟีลด์ ผู้กำกับละครเวทีที่ร่ำรวยและมีชื่อเสียง ซึ่งเป็นหม้าย เขาอาศัยอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ในย่านที่ร่ำรวยของแมนฮัตตันและเขาจำเป็นต้องจ้างพี่เลี้ยงเด็กเพื่อดูแลลูกทั้งสามของเขา

ในขณะที่แม็กซ์เวลกำลังทำการสัมภาษณ์คนทั้งหลายที่สมัครเข้ามาเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ฟรานที่กำลังกดกริ่งประตูเพื่อมาขายเครื่องสำอางค์ก็โดนเข้าใจผิดว่าเธอมาสมัครเป็นพี่เลี้ยงเด็กและยังแจ็กพ็อตรับเธอเข้ามาดูแลลูกๆของเขา แม้ว่าฟรานจะไม่ได้คิดจะทำงานนี้แต่แรกและสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความผิดพลาดครั้งใหญ่ แต่เธอก็เข้ากันได้ดีกับลูกทั้งสามคนขอแม็กซ์เวล (แม็กกี ไบรตัน และเกรซี) แถมเธอยังเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีของไนล์พ่อบ้านของแม็กซ์เวลอีกด้วย ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ค่อยถูกกับซิซี ผู้ช่วยส่วนตัวของแม็กซ์เวลที่อิจฉาฟรานซักเท่าไหร่

ทำไมเรื่องนี้ถึงเหมาะกับการเรียนภาษาอังกฤษ? ในเรื่องนี้คุณจะได้ฟังสำเนียงที่หลากหลายของภาษาอังกฤษที่จะช่วยทำให้คุณคุ้นเคยกับความหลากหลายของสำเนียงต่างๆ ภาษาที่ใช้ก็ค่อนข้างเป็นธรรมชาติ แล้วยังได้เรียนรู้และเข้าใจวิธีการที่คนมีฐานะสูงกว่าพูดกับคนในระดับกลางอีกด้วย



เว็บไซต์ fluentu ได้กล่าวไว้ว่า “Just because these sitcoms are “older” doesn’t mean they’re not worth watching” ซึ่งมีความหมายว่า การที่ซิทคอมพวกนี้เก่า ไม่ได้หมายความว่าไม่ควรค่าแก่การดู อย่างที่บอกไปข้างต้อนซิทคอมยุค 90 จะช่วยคุณได้มากในการเรียนภาษาอังกฤษทั้งในเรื่องของสำเนียง คำศัพท์ หรือสำนวนใหม่ๆ ภาษาท่าทาง วัฒนธรรมและความสนุกเพลิดเพลินที่หาไม่ได้ในซิทคอมยุคนี้

อย่าลืมลองไปหาดูกันนะคะ


ข้อมูลจาก Fluentu
ขอบคุณที่มาบทความจาก http://www.dailyenglish.in.th/90s-sitcoms/
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

Archiver|WAP|KhonThai America

GMT+7, 2024-5-8 05:08 , Processed in 0.034606 second(s), 25 queries .

Powered by Discuz! X2.5  Language by l3eil3oy

© 2001-2012 Comsenz Inc. style by eisdl

ขึ้นไปด้านบน