KhonThai America : คนไทยในอเมริกา

 ลืมรหัสผ่าน
 ลงทะเบียน
ค้นหา
แท็กยอดนิยม: ภาษาไทย แจก discuz
ดู: 6703|ตอบกลับ: 0
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

10 อันดับมหาวิยาลัยฟาร์มที่น่าเรียนที่สุดของอเมริกา

[คัดลอกลิงก์]

1188

กระทู้

4

ติดตาม

6160

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

Rank: 8Rank: 8





         วันนี้ขอหยิบยกตัวอย่าง
10 อันดับมหาวิทยาลัยฟาร์มที่ดีที่สุดจากประเทศสหรัฐอเมริกาจากผลการจัดอันดับ “The 20 Best College Farms” จากเว็บไซต์ Best College Reviews มาให้ได้ชมกันนอกจากวิวสวย ๆ บรรยากาศดี ๆ ของแต่ละวิทยาลัยแล้วยังทำให้เรารู้ว่าวิชาการเกษตรในต่างประเทศได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก


1. วิทยาลัยวอร์เรน วิลสัน (Warren Wilson College)
ๅ.JPEG


        วิทยาลัยวอร์เรน วิลสัน เป็น 1 ใน 7 วิทยาลัยฟาร์มของรัฐบาลที่ชื่อเสียงและมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนาน โดยเริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1894ในฐานะโรงเรียนฟาร์มเล็ก ๆและได้ขยายขนาดจนกลายมาเป็นวิทยาลัยฟาร์มในปัจจุบัน วิทยาลัยวอร์เรน วิลสันตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 275 เอเคอร์ ท่ามกลางหุบเขา“SwannanoaValley” อันกว้างใหญ่และสวยงามในแต่ละปีวิทยาลัยวิลสันเปิดรับนักศึกษาที่หลายหลายกว่า 45 รัฐและมากกว่า 10 ประเทศทั่วโลกเปิดทำการเรียนการสอนในระดับปริญญาตรีทั้งหมด 25 สาขาโดยมีเป้าหมายหลักคือให้นักศึกษาทุกคนที่สำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยแห่งนี้ได้เรียนรู้การเกษตรแบบยั่งยืนและการทำฟาร์มในรูปแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและมีศักยภาพทางเศรษฐกิจควบคู่กันไป

       งานหลัก ๆของนักศึกษาในวิทยาลัยฟาร์วอร์เรน วิลสัน ประกอบไปด้วยการปลูกพืชผสมและการทำปศุสัตว์ เลี้ยงวัว หมู ไก่ และแกะ เป็นต้นนอกจากนี้ที่ฟาร์มยังได้ทำการจำหน่ายผลผลิตของฟาร์มให้กับประชาชนทั่วไปตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นพืช ผัก ผลไม้ ไข่ เนื้อสัตว์ต่างๆ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปทางการเกษตรเรียกได้ว่านักศึกษาที่มาเรียนต่อทางด้านนี้จะได้เรียนรู้ทุกขั้นตอนการผลิตไปจนถึงการแปรรูปผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่าทางการเกษตรให้มากขึ้นอีกด้วย

       รายละเอียดเพิ่มเติม : Warren WilsonCollege
      
      
2. วิทยาลัยโอซาร์ก (College of theOzarks)



      วิทยาลัยอันดับ 1 จากการจัดอันดับ มหาวิทยาลัยและวิทยาลัยคริสเตียนที่ดีที่สุดประจำปี 2015 ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 1,000 เอเคอร์ ในรัฐมิสซูรี่ ประเทศสหรัฐอเมริกาเรียกได้ว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในมิสเวส และมีชื่อเสียงในด้านบัญชีและศิลปะการทำอาหาร โดยจะเปิดให้ทุนการศึกษาฟรีแก่นักศึกษาจำนวน 1,400 คน ในแต่ละปี โดยมีข้อแม้ว่านักศึกษาจะต้องทำงานต่าง ๆในวิทยาลัยอย่างน้อย 15 ชั่วโมง ต่อสัปดาห์ และ 40 ชั่วโมงในสองอาทิตย์ จนมีสโลว์แกนเกี่ยวกับวิทยาลัยว่า “HardWork U” และหนึ่งในงานที่นักศึกษาได้รับมอบหมายนั่นก็คืองานในฟาร์มของวิทยาลัยแม้ว่าจะไม่ใช่นักศึกษาในคณะเกษตรแต่ก็สามารถทำงานในฟาร์มได้เช่นเดียวกันนักศึกษาของวิทยาลัยโอซาร์ก จะได้รักการฝึกฝนทางด้านการเกษตรแบบไดนามิกและฟาร์มเกษตรแบบอุตสาหกรรม

       เอกการเกษตรมีหลากหลายวิชาที่เกี่ยวกับการเกษตรด้านต่าง ๆให้นักศึกษาได้เลือกเรียน เช่น ธุรกิจการเกษตร, พืชไร่, สัตวศาสตร์,วิทยาศาสตร์น้ำนม และการปลูกพืชสวน เป็นต้นนอกจากเนื้อหาเชิงวิชาการแล้วนักศึกษายังได้ลงมือปฏิบัติจริงทุกขั้นตอนที่นอกจากงานในฟาร์มแล้วยังเรียนรู้การทำงานในสำนักงานการจัดระเบียบ การบำรุงรักษา และการบันทึกรายงานในส่วนต่าง ๆ ของฟาร์ม เช่นฟาร์มหมู ฟาร์มวัวเนื้อ ฟาร์มวัวนม ตลาดเกษตรกร เรียนรู้การผลิตอาหารสัตว์การปลูกพืชไร่ พืชสวน และสวนผลไม้ ไปจนถึงโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์

รายละเอียดเพิ่มเติม : College of the Ozarks

3. วิทยาลัยดีพสปริงส์ (Deep Springs College)



       วิทยาลัยฟาร์มดีพสปริงส์ ตั้งอยู่กลางทะเลทรายอันเวิ้งว้างแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งในปี ค.ศ.1917 จากสามแนวคิดที่สำคัญ คือ นักวิชาการ, แรงงานและการกำกับดูแลด้วยตนเอง ในแต่ละปีจะรับนักศึกษาเพียง 26 คนและรับเฉพาะนักศึกษาชายเท่านั้น เป็นหลักสูตรเข้มข้น 2 ปีเต็มโดยนักศึกษาที่ผ่านการสอบคัดเลือกจะได้เข้าเรียนฟรีแบบไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหารหรือค่าที่พัก และยังได้รับเงินทุนการศึกษาจำนวน $50,000ต่อปี คิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,700,000 บาทอีกด้วย หลังจากสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยดีพสปริงส์แล้วนักศึกษาส่วนใหญ่จะได้รับคัดเลือกไปเรียนต่อยังมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในระดับโลกได้อย่างง่ายดายดังนั้นวิทยาลัยดีพสปริงส์จึงกลายเป็นวิทยาลัยที่มีนักศึกษาอยากเข้าเรียนมากที่สุดแห่งหนึ่ง   

       งานของนักศึกษาในฟาร์มกลางทะเลทราย จะต้องตื่นนอนก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ดูแลให้อาหาร รีดนมวัวในฟาร์มกว่า 300 ตัว งานในสวนผลไม้, เรือนกระจก,ฟาร์มไก่, แปลงผักและการดูแลหญ้าสำหรับเป็นอาหารวัวและสัตว์อื่น ๆ บนพื้นที่กว่า 152 เอเคอร์ ไปจนถึงเวลา 4.30 น. และทุก ๆ 7 สัปดาห์ นักเรียนจะได้รับมอบหมายให้ทำงานในตำแหน่งของแรงงานซึ่งรวมไปถึงการเป็นคาวบอย และเป็นคนฆ่าวัวเพื่อชำแหละเนื้อเพื่อจำหน่ายและนำมาผลิตอาหาร

       รายละเอียดเพิ่มเติม : Deep Springs College
      
      

      
4. วิทยาลัยแฮมป์เชียร์ (HampshireCollege)



       โปรแกรมการเกษตรของวิทยาลัยแฮมป์เชียร์ ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1970 ภายหลังการก่อตั้งของวิทยาลัยเพียง5 ปี (ค.ศ.1965) โดยคณะวิทยาศาสตร์ธรรมชาติเพื่อเป็นแหล่งทดลองวิธีการทำการเกษตรแบบยั่งยืน สนับสนุนการเกษตรแบบชุมชนให้นักศึกษาได้มีโอกาสสัมผัสกับการทำฟาร์มและการเกษตรอย่างแท้จริงโดยการเริ่มต้นจากการเป็นผู้ผลิตและผู้บริโภคที่ดี ภายใต้พื้นที่กว่า 100 เอเคอร์ให้นักศึกษาได้ลงมือปฏิบัติไม่เพียงการเรียนรู้แต่ในตำราเรียนเท่านั้นนักศึกษาจะได้เรียนรู้วิธีการปลูกผัก ผลไม้ การเก็บเกี่ยวผลผลิต แปรรูปผลิตภัณฑ์การดูแลสัตว์ในฟาร์มที่นอกจาก วัว หมู แกะ ไก่ ธรรมดาแล้ววิทยาลัยแฮมป์เชียร์ยังสอนเรื่องการเลี้ยงผึ้งเพื่อนำมาผลิตเป็นน้ำผึ้งเพื่อจำหน่ายอีกด้วย

อีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจของวิทยาลัยแฮมป์เชียร์ที่ได้เปิดตัวภายใต้โปรแกรมการเกษตรก็คือ “อาหารฟาร์ม และการพัฒนาแบบยั่งยืน” โดยเริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี2012 เพราะนอกจากการผลิตและการเรียนรู้ทางการเกษตรแล้วสุขภาพที่ดีจากอาหารก็เป็นสิ่งที่วิทยาลัยแฮมป์เชียร์ตระหนักถึงเช่นเดียวกันโดยใช้อาหารเป็นสื่อการสอน เพื่อผลิตอาหารรูปแบบใหม่ เพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ ในชุมชน
      
      
รายละเอียดเพิ่มเติม : HampshireCollege
      
      
5. วิทยาลัยบุท (Butte College)



       สถาบันการศึกษาที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานในด้านของการเกษตรแบบยั่งยืนบนพื้นที่ฟาร์มกว่า 85 เอเคอร์ โดย 17 เอเคอร์บนพื้นที่ของฟาร์มได้รับการรับรองมาตรฐานให้เป็นฟาร์มออร์แกนิคจาก California Certified Organic Farmers ประกอบไปด้วยข้าวโอ๊ตข้าวสาลี พืชผักสวนครัว และผลไม้หลากชนิด อีก 6 เอเคอร์เป็นส่วนของไร่องุ่นสำหรับผลิตไวน์แดง3 พันธุ์ด้วยกัน ดังนั้นนักศึกษาจะได้เรียนรู้เรื่องการเกษตรปลูกพืชผัก ผลไม้ แบบออร์แกนิคแล้วยังได้เรียนรู้เรื่องของการแปรรูปสินค้าและการตลาดเพื่อจัดจำหน่ายสินค้าทางการเกษตร

        ก่อนที่วิทยาเขตหลักจะถูกสร้างขึ้น พื้นที่กว่า 900 เอเคอร์เคยเป็นที่อาศัยและหลบภัยของสัตว์ป่านานาชนิดผู้ที่จัดตั้งวิทยาลัยก็มีความประสงค์ที่จะไม่ไปรบกวนธรรมชาติและความความงามของชนบทแต่อย่างใดวิทยาลัยบุทจึงเป็นวิทยาลัยที่ผสมผสานกับธรรมชาติได้อย่างกลมกลืนมีการนำแผงโซล่าเซลล์มาใช้ภายในวิทยาลัยกว่า 10,000 แผงเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าใช้เองเป็นการเรียนรู้การใช้ชีวิตที่ไม่รบกวนสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
      
      
รายละเอียดเพิ่มเติม : Butte College
      
      
6. วิทยาลัยแอตแลนติก (College of theAtlantic)



         “เราสามารถหาอาหารกินได้โดยไม่ทำลายธรรมชาติได้หรือไม่? วิธีการในระบบอาหารของเราสามารถบำรุงทั้งชุมชนและสิ่งแวดล้อม” เป้าหมายหลักจากโปรแกรม “Farming& Food Systems” ของวิทยาลัยแอตแลนติกที่ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 73 เอเคอร์ ท่ามกลางหุบเขาทะเลทรายและสูงกว่าพื้นดินถึง 300 ฟุต ด้วยกัน “บีช ฮิลล์ ฟาร์ม (Beech Hill Farm)” คือพื้นที่การเรียนรู้ของนักศึกษาในด้านการเกษตรการใช้ชีวิตในระบบนิเวศน์ จากการทำฟาร์มออร์แกนิคแบบเต็มรูปแบบและได้รับมาตรฐานจาก MOFGACertified Organic โดย 80 เปอร์เซนต์ของผลผลิตจะถูกขายให้กับผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชม และชาวบ้านในระแวกใกล้เคียง

        นักศึกษาจะได้เรียนรู้วิธีการทำฟาร์มแบบออร์แกนิคในทุกขั้นตอนรวมถึงการผลิตสินค้าต่าง ๆ เช่น การทำน้ำผึ้ง ผลไม้กวน เนื้อสัตว์ ไข่ผลิตภัณฑ์จากนม ผลิตภัณฑ์อบแห้ง ผัก-ผลไม้สดจากไร่ และอาหารป่าจานพิเศษ จากบีชฮิลล์ ฟาร์ม บนพื้นที่เพาะปลูก ก่อนที่จะเริ่มภาคปฏิบัติอย่างจริงจังนักศึกษาจะได้เรียนรู้ข้อมูลเชิงทฤษฎีในการทำความเข้าใจอาหารและการผลิตที่ต้องใช้ข้อมูลเชิงลึกในประวัติศาสตร์, มนุษยวิทยา,ปัจจัยทางเศรษฐกิจ, ระบบนิเวศวิทยา, พฤษศาสตร์, เคมี และอื่น ๆจนเข้าใจอย่างลึกซึ้งเพื่อการลงมือปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพควบคู่กันไปด้วยนั่นเอง
      
      
รายละเอียดเพิ่มเติม : College of the Atlantic
      

      
      
7. มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานตาครูซ (Universityof California, Santa Cruz)



       “UCSC Farm” และ “AlanChadwick Garden” ตั้งอยู่ภายในมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียซานตาครูซ เป็นสถานที่ฝึกอบรมด้านการเกษตรที่รู้จักกันในระดับสากลทั้งการศึกษาและงานวิจัยด้านต่าง ๆ ของการเกษตรอินทรีย์ หรือออร์แกนิคที่ได้รับการรับรองจากหลายสถาบัน อาทิเช่น California OrganicFoods Act of 1990, National Organic Program และ CaliforniaCertified Organic Farmers (CCOF) เป็นต้นเริ่มต้นก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1971 บนพื้นที่ฟาร์ม 25เอเคอร์จนมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปสะท้อนให้เห็นถึงการทำงานอย่างหนักของทั้งนักศึกษาและเจ้าหน้าที่มาจนถึงปัจจุบัน

       ลักษณะพิเศษของฟาร์มแห่งนี้คือเป็นการทำฟาร์มแบบดั้งเดิม โดยการใช้มือในการเพาะปลูก ทั้งพืชยืนต้นและพืชล้มลุกหลายหลายพันธุ์ ที่ใช้เพียงรถแทรกเตอร์คันเล็ก ๆในการดำเนินงานทั้งหมดในฟาร์ม นอกจากนี้ยังมีสวนผลไม้ กีวี บลูเบอร์รี่ห้องแลปเพื่อการวิจัยด้านระบบนิเวศ และการเกษตร เรือนกระจก ห้องเรียนเล็ก ๆและห้องประชุมสำหรับประชุมสรุปการทำงานของนักศึกษา UCSC Farm และ AlanChadwick Garden จะเปิดให้ประชาชนเข้าชมทุกวันตั้งแต่ 8โมงเช้า ถึง 6 โมงเย็นและยังสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากฟาร์มกลับบ้านได้ด้วย

        รายละเอียดเพิ่มเติม : University ofCalifornia, Santa Cruz
      
      
      
8. มหาวิทยาลัยรัฐมิชิแกน (MichiganState University)



       ฟาร์มออร์แกนิคสำหรับนักศึกษาเริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ.1999 โดยกลุ่มนักศึกษา MSU ที่มีความสนใจทำการเกษตรแบบยั่งยืนมหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดการเรียนการสอนในหลักสูตรการเกษตรอินทรีย์ที่ผ่านการรับรองตลอดทั้งปีบนพื้นที่กว่า 15 เอเคอร์ ที่ดูแลโดยนักศึกษาโปรแกรม “OrganicFarmer Training Program (OFTP)” และอาสาสมัครโดยจะใช้การผลิตแบบเรือนกระจกพลังงานแสงอาทิตย์ (hoophouses) เพื่อสามารถผลิตและจำหน่ายผักผลไม้ได้ตลอดทั้งปี ซึ่งนอกจากการปลูกพืชผักผลไม้แล้ว ภายในฟาร์มยังมีการเลี้ยงสัตว์ต่าง ๆ เช่น วัว หมู ไก่ไข่ และผึ้ง

       โปรแกรมการฝึกอบรมต่าง ๆ ถูกออกแบบมาเพื่อฝึกให้นักศึกษามีทักษะด้านการผลิตการจัดการ และการวางแผนทางธุรกิจที่จำเป็นสำหรับการทำฟาร์มขนาดเล็กที่แข็งแกร่งนอกจากนี้นักศึกษายังได้เรียนรู้การใช้งานและบำรุงรักษาอุปกรณ์เครื่องมือการเกษตรเช่น รถแทรกเตอร์ และเครื่องมือขนาดเล็ก เรียนรู้การทำฟาร์มปศุสัตว์การเกษตรอินทรีย์ รวมถึงการตลาด และการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าทางการเกษตรอีกด้วย
      
      
รายละเอียดเพิ่มเติม : Michigan State University
      
      
      
9. มหาวิทยาลัยเคลมสัน (ClemsonUniversity)



         การศึกษาเกษตรอินทรีย์ของนักศึกษา มหาวิทยาลัยเคลมสัน เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2001 เป็นห้องทดลองปฏิบัติการทางการเกษตรครั้งแรกใช้ชื่อว่า ไร่คาลฮูน (Calhoun Field) ต่อมาในปี 2005 จึงได้รับการรับรองให้เป็นฟาร์มออร์แกนิคที่ไม่ได้ใช้สารสังเคราะห์หรือสารกำจัดศัตรูพืช เป็นการทำการเกษตรแบบครบวงจรทั้งด้านการผลิต การจัดการ และการตลาดนักศึกษาจะได้เรียนรู้เรื่องการทำฟาร์มการเกษตรอินทรีย์ บนพื้นที่เพาะปลูก 15เอเคอร์ โดยเอื้อประโยชน์กับชุมชน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมปลูกพืชผลทางการเกษตรได้ตลอดฤดูกาลมุ่งเน้นไปที่พืชผักหายากที่มีราคาสูงในท้องตลาด ผลไม้ขนาดเล็ก สมุนไพรและดอกไม้นานาชนิด ที่สามารถตัดไปขายได้ทุกเช้า


         รายละเอียดเพิ่มเติม : ClemsonUniversity
      
      
      
10. มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียพอลิเทคนิคสเตต (CaliforniaPolytechnic State University)



       พื้นที่กว่า 11 เอเคอร์ ของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียพอลิเทคนิคสเตตได้รับการรับรองมาตรฐานการเกษตรออร์แกนิค สถานที่ศึกษาของนักศึกษาระดับปริญญาตรีเพื่อเรียนรู้เรื่องการทำเกษตรอินทรีย์และการเกษตรแบบยั่งยืนที่ดำเนินการโดยคณาจารย์ นักศึกษา และพนักงานผู้ดูแล จนสามารถผลิตพืชพันธุธัญญาหารผักและผลไม้ เพื่อนำไปจำหน่ายให้กับชุมชนหรือท้องถิ่นใกล้เคียงและมอบบางส่วนให้กับธนาคารอาหารอีกด้วย นักศึกษาจะมีส่วนร่วมโดยตรงในการผลิตการดูแล การเก็บเกี่ยว และการจำหน่ายผักปลอดสารพิษปัจจุบันฟาร์มแห่งนี้ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันทางการเกษตรมากมายหลายแห่งอาทิเช่น กรมวิทยาศาสตร์การปลูกพืชสวน, วิทยาลัยการเกษตร,วิทยาศาสตร์อาหารและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

      รายละเอียดเพิ่มเติม : California Polytechnic State University
      

ที่มา http://manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9580000103143

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

Archiver|WAP|KhonThai America

GMT+7, 2024-5-4 04:32 , Processed in 0.037890 second(s), 25 queries .

Powered by Discuz! X2.5  Language by l3eil3oy

© 2001-2012 Comsenz Inc. style by eisdl

ขึ้นไปด้านบน