KhonThai America : คนไทยในอเมริกา

 ลืมรหัสผ่าน
 ลงทะเบียน
ค้นหา
แท็กยอดนิยม: ภาษาไทย แจก discuz
ดู: 8534|ตอบกลับ: 0
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

แนะนำหนังสือฝึกอ่านภาษาอังกฤษนอกเวลา

[คัดลอกลิงก์]

1188

กระทู้

4

ติดตาม

6160

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

Rank: 8Rank: 8

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ice999 เมื่อ 2015-8-18 17:07


sample_asiabook3.jpg


  การอ่านหนังสือนอกเวลาประเภท Graded Readers แบบ Extensive Reading สามารถทำให้ทักษะภาษาอังกฤษของนักเรียนเพิ่มขึ้น 32.9% – 71.1% ภายในระยะเวลา 4 เดือน (1 ภาคการศึกษา)
  - Graded Readers เป็นหนังสือความหนาประมาณไม่เกิน 60 หน้า ที่มีเรื่องราวหลากหลาย ที่ให้นักเรียนสามารถเลือกอ่านเล่มที่ตนเองชอบได้ โดยไวยกรณ์ และคำศัพท์ที่ใช้ในการเขียน จะมีการแบ่งระดับความยากง่ายเอาไว้ เพื่อทำให้นักเรียนอ่านได้อย่างสนุก ลื่นไหล ที่สำคัญคำศัพท์ที่ปรากฎอยู่ในเนื้อเรื่อง ล้วนอยู่ในฐานคำศัพท์ 3,000 Commonly Used Words ซึ่งเป็นคำศัพท์ที่ปรากฎอยู่ในสื่อภาษาอังกฤษต่างๆ ในชีวิตประจำวันมากถึง 80%

   - ประเทศญี่ปุ่นเคยดำเนินโครงการวิจัย SSS (Start with Simple Stories) พบว่าหากนักเรียนที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ อ่านหนังสือนอกเวลาประเภท Graded Readers ประมาณปีละ 8 – 10 เล่ม ต่อเนื่อง (เพื่อให้มีคำศัพท์ผ่านตาในรูปประโยคต่างๆ ซ้ำไปซ้ำมา ประมาณ 1 ล้านคำ) จะทำให้นักเรียนมีทักษะภาษาอังกฤษที่ดีขึ้นในระดับที่สามารถสื่อสารได้อย่างคล่องแคล่ว


เริ่มที่นิยายชุด se-ed enjoy reading เป็นทางเลือกที่ดี ศัพท์ไม่ยาก
----------------------------------------------------------------------
  เริ่มที่ level ดังนี้ (level 1 ไม่ได้อ่าน และมี level 3 2 เล่ม)
2 - The Jungle book
   - เมาคลี ศัพท์เกี่ยวกับป่าเป็นส่วนใหญ่ มีประโยชน์อยู่นะ เข้าป่ากางเต๊นท์อะไรก็พอจะหยิบมาพูดได้บ้าง
3 - Frankenstien
   - เน้นศัพท์ไปทางชีวิตประจำวัน + การเล่าเรียน + การศึกษา + แปลกๆนิด นิยายๆ
3 - Kidnapped
   - ศัพท์ใช้ได้จริง เกี่ยวกับชีวิตประจำวันบ้างนิดหน่อย สำนวนออกแนวแปลกๆ ตามการออกเสียง (you -> yee)
4 - Gulliver's Travels
    - อารมณ์สนุกสนาน วางไม่ลง ตื่นเต้นไปกับการผจญภัยครับ ศัพท์ไม่ยาก มีแปลกบ้างนิดหน่อยตามเนื้อหาการผจญภัยที่เจอ
5 - David Copperfield   
    -  จะมีประโยชน์ในชีวิตประจำวันมากที่สุด ศัพท์ใช้ได้จริง ประโยคใช้ได้จริง เพราะมันเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน รักใคร่ ริษยา ตกอับ ลำบาก
6 - Jane Eyre
    - ความเห็น เหมือนกับ Davids   แต่เนื้องเรื่องเศร้าหน่อย เอาใจนักอ่านอารมณ์อ่อนไหว นางเอกใจแข็ง และ เด็ดเดี่ยวมาก

หนังสือพวกนี้ เหมาะสำหรับทุกวัยเลือก level เลือกธีมได้ตามสบายเลย ความยากของศัพท์ต่างกันไม่มาก         
คำตอบจากคุณ บักจ้อน ในกระทู้ http://pantip.com/topic/31142267



     เเนะนำ 2 เรื่อง คือ Little House (ภาษาง่ายค่ะ  มีฉบับเเปล มีหนังทีวี based on  เเต่เนื้อเรื่องไม่เหมือนทีเดียว)
กับ Anne of Green Gables (ภาษายากขึ้นมาอีกนิดนึง มีหนังทีวีด้วย เเต่ไม่คิดว่ามีใครเเปลหนังสือเป็นภาษาไทย) หนังสือ series นี้ hit ที่ญี่ปุ่นมาก ขนาดมี tour ตามไปเที่ยวที่ Prince Edward Island ที่แคนาดา
คำตอบจากคุณ DKW กระทู้ http://pantip.com/topic/31142267


       Sherlock Holmes ก็ไม่ยาก อ่านแล้วชวนติดตามค่ะ




       ระดับต่อมา พวกนี้จะเป็นหนังสือตัวใหญ่ๆ ไม่ยากมาก เเต่จะเล่มหนา

ส่วนใหญ่จะเเนะนำเป็นหนังสือของ Enid Bryton เพราะไม่ยากมาก ตอนเราเริ่มอ่านก็เริ่มอ่านพวกนี้เเหละค่ะ
จะเป็นเเนวผจญภัยเด็กๆ เเต่สนุกดี ส่วนใหญ่มาเป็นSeries

1.The Secret Seven สมาคมไขปริศนาของเด็ก7คน น่ารักดีค่ะ อ่านเพลิน



2.The Famous five อันนี้ยากกว่าSecret Sevenเล็กน้อย เเต่เราว่าสนุกกว่าด้วย



3. Six solve the mystery คล้ายกัน เป็น 6คนเเทน 55555
เรื่องอื่นก็มีค่ะ

4. The little house in the big wood อันนี้Classicมาก อ่านไม่ยาก สนุก เราชอบเเบบอ่านเเล้วมันเพลินมาก



5.Diary of a Wimpy kid อันนี้ต้องอ่านเลย เกิดมาเป็นเด็กไม่อ่านจะเสียใจ มันฮาเเละสนุกมาก เด็กทุกคนชอบ ไม่มีใครที่เราเห็นอ่านเเล้วไม่ชอบเลย สนุกมากกก เเบบฮาเเละสะใจ อ่านไม่ยาก ภาษาง่าย เเถมมีรูปด้วย

6.Dork's Diary อันนี้ของเด็กผญโดยเฉพาะเลยค่ะ เป็นไดอารี่เเนวหญิงๆ เลย สนุกดี

7.Captian Underpants อันนี้เป็นการ์ตูน คงรู้จักภาษาไทยกันบ้าง เเต่อ่านเป็นภาษาอังกฤษก็สนุกนะค่ะ ไม่ยาก ภาพเยอะฝึกอ่านๆเรื่องนี้เลย สนุกมากเหมือนกัน ชอบบบบ

8.Jimmy Fallen อันนี้เราว่ามันลอกเลียนDiary of a Wimpy kidอะ ไม่ฮาเท่าด้วย เเต่อ่านเอาเพลินก็สนุกดี

9.Little Prince อันนี้คนส่วนใหญ่รู้จัก มันเป็นClassic ภาษาไม่ยาก สั้นดีด้วย


ระดับต่อมา   ให้เริ่มหัดอ่านนิยาย มีวิธีอ่าน ดังนี้

1. เลือกหนังสือที่อ่านง่าย บางๆ เล่มไม่หนามาก และเป็นเรื่องที่เราสนใจ วิธีนี้จะทำให้เราไม่ท้อเกินไป เพระาถ้าเลือกเล่มที่ใช้แสลงเยอะ และศัพท์ยาก รวมถึงหนาอีกต่างหาก กว่าจะจบได้คงตายกันไปเลย เผลอๆ ถึงขั้นเผาหนังสือด้วยความแค้น แนะนำเรื่อง The notebook, Tuesdays with Morrie, Harry Potter (อันนี้ง่าย) เล่มแรกๆ นะคะ เอาบางที่สุด Gossip Girls และหนังสือเด็กทุกชนิด หรือ Arabian nights ก็ไม่เลว อ่านง่ายดี ศัพท์ซ้ำไปซ้ำมา เรื่องสนุกด้วย เป็นต้น



2. พอได้หนังสือแล้ว ก็เตรียมที่เตรียมทางซะ เลือกมุมที่ตัวเองสบายที่สุด ถ้าไม่อยู่บ้านก็นู่นเลย สตาร์บัค เงียบดีแถมที่นั่งก็สบาย นั่งได้ทั้งวันไม่มีใครมาไล่ เริ่มเปิดหน้าแรก ลองอ่านที่ละย่อหน้าโดยไม่เปิด dictionary นะคะ อันนี้ข้อห้ามเลย ห้ามเปิดเด็ดขาด ใช้วิธีอ่านไปช้าๆ ไม่ต้องรีบ พอจบย่อหน้านึง ปิดหนังสือ แล้วดูซิว่าเราเข้าใจหรือไม่ ถ้ายังไม่เข้าใจให้กลับไปอ่านซ้ำ ไม่จำเป็นต้องแปลได้ทุกตัวนะคะ อ่านเพื่อความเข้าใจได้ความบันเทิง ไม่ใช่นักเรียนที่ต้องได้คะแนนเต็มเหมือนสมัยเรียน หวังผล entrance ไม่เอา ไม่ต้องขนาดนั้น เว้นแต่ว่าคุณอยากรู้ความหมายของศัพท์นั้นจิงๆ และขอเถอะนะ อย่าเปิดเพลงฟังไปด้วยเด็ดขาด คุณจะเสียสมาธิอย่างแรง ถ้าเป็นเพลงเบาๆของร้านกาแฟ แบบนั้นก็โอเคค่ะ

3. ถ้าอ่านแล้วอ่านอีก ก็ยังไม่เข้าใจ ให้เปิด dictionary ตัวที่มันซ้ำๆ กัน เพราะนั่นแหละคือ keyword ของมันล่ะ เปิดจนกว่าเราจะจับความหมายของสิ่งที่อ่านได้ คุณก็จะได้รู้ความหมายและได้คำศัพท์มาบ้าง พอที่จะเข้าใจย่อหน้าถัดไปได้ กรณีนี้ให้เลือกเป็นทางสุดท้ายที่คุณไม่เข้าใจเลยนะคะ ไม่อย่างนั้นจะติดเปิด dictionary ตลอดและจะทำให้คุณไม่เข้าใจภาพรวมของเรื่องที่อ่าน จะเป็นประมาณว่าได้หน้าลืมหลังค่ะ

4. เมื่ออ่านย่อหน้าแรกได้แล้ว ค่อยอ่านย่อหน้าต่อๆ ไป เริ่มต้นอย่างช้าๆ บางทีกว่าจะจบหน้านึงอาจจะใช้เวลาเป็นชั่วโมง ถือเป็นเรื่องปกติค่ะ  ครั้งแรกย่อมใช้เวลาเสมอ นี่ถึงขนาดเลิกไปช่วงนึงเลยค่ะ กว่าจะกลับมาอ่านต่อได้นี่ใช้เวลาหลายเดือน

5. เมื่อผ่านมาถึงตรงนี้ ก็อ่านไปหลายหน้าแล้ว จะสังเกตเห็นได้ว่าศัพท์ที่คุณเจอจะเริ่มซ้ำๆ กัน มีศัพท์ใหม่เพิ่มมาแบบเจอแค่ครั้ง 2 ครั้งไม่กี่ตัวหรอก ตลอดทั้งเล่มอ่ะ แถมประโยคบางประโยคนี่ก็คุ้นๆ ว่าได้ยินมาจากในหนังบ่อยๆ ก็ยิ่งจำได้อีก เพราะมันเป็นนิยายและบทสนทนาทีใช้ก็ชีวิตประจำวันเรานี่แหละค่ะ พอมาถึงตรงนี้ คุณจะเริ่มอ่านเร็วขึ้น จากที่ใช้เวลา 6 ชม. ต่อหน้า เปิดดิกจนเมื่อยก้เริ่มเปิดน้อยลง เพระาเจอมันซ้ำๆ ก็เริ่มเป็น 5 ชม. ต่อหน้าและค่อยๆ น้อยลง จนจบเล่มบางๆ ภายใน 6 เดือน และเล่มต่อไปก็จะตามมาเรื่อยๆ และคุณก็เริ่มจะสนุกขึ้น และการอ่านหนังสือภาษาอังกฤษก็จะไม่ยากอีกต่อไป


เรื่องที่แนะนำ  
Harry Potter (Series 7 เล่ม)อันนี้ทุกคนคงรู้จัก ไม่ต้องพูดไรมาก ใครเคยอ่านเป็นภาษาไทยก็ลองอ่านภาษาอังกฤษซ้ำดูได้นะค่ะ สนุกกว่าภาษาไทยเราคอนเฟิร์ม อ่านได้ทั้งสองเพศค่ะ

ถ้าวัยสาวๆ อาจจะชอบพวก chic lit. อย่าง PS I love you, Twilight (อ่านเสร็จ จะดูหนังประกอบด้วยเพื่อความอิน + ฟิน ก็ได้)
หรือถ้าชอบแนว soul-searching ก็แนะนำ The Alchemist (ภาษาไม่ยาก เล่มไม่หนามากด้วย)

The Fault in our stars อันนี้ทุกคนคงรู้จักพึ่งเข้าฮิตมากในอเมริกาไป อันนี้เป็นหนังสือรักที่อ่านเเล้วร้องไห้เลย สนุกจริง อันนี้ใครๆอ่านก็น่าจะชอบ อ่านได้ทุกเพศค่ะ

The Mysterious Benedict Society (Series 3 เล่ม) อันนี้หนังสือเด็กๆ เเนะนำให้อ่านก่อนโต มันน่ารักสนุกเเบบเด็ก ชอบค่ะ อ่านได้ทุกเพศค่ะ

Will Grayson Will Grayson John Greenเหมือนเดิม เรื่องนี้เราชอบ มันตลกดี อ่านเเล้วนั่งขำกลิ้ง

Eleanor and Park เรื่องรัก มันสนุกอะ เเบบเราอ่านเเล้วติดวางไม่ลง อ่านตั้งเเต่ตอนเย็นถึงตี1 เเบบไมจบไม่หยุด เรื่องนี้กำลังจะเป็นหนังด้วยค่ะ อันนี้ชอบ อ่านได้ทุกเพศ


The Book Theif เรื่องเกี่ยวกับตอนสงครามโลกค่ะ สนุกดี


ขอบคุณที่มา
http://pantip.com/topic/31142267
http://www.dek-d.com/board/view/3383467/
http://pantip.com/topic/31510417
http://www.oknation.net/blog/funnyretail/2011/12/19/entry-1

รูปจาก www.bloggang.com


ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

Archiver|WAP|KhonThai America

GMT+7, 2024-5-20 05:00 , Processed in 0.032876 second(s), 25 queries .

Powered by Discuz! X2.5  Language by l3eil3oy

© 2001-2012 Comsenz Inc. style by eisdl

ขึ้นไปด้านบน