KhonThai America : คนไทยในอเมริกา

 ลืมรหัสผ่าน
 ลงทะเบียน
ค้นหา
แท็กยอดนิยม: ภาษาไทย แจก discuz
ดู: 6152|ตอบกลับ: 0
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

10 สถานที่เฮี้ยนและหลอนที่สุดของสหรัฐอเมริกา

[คัดลอกลิงก์]

1188

กระทู้

4

ติดตาม

6160

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

Rank: 8Rank: 8




ต่อไปนี้คือ 10 แห่งที่ชาวอเมริกันกล่าวขวัญ และร่ำลือกันทุกยุคทุกสมัยว่ามีผีดุที่สุดของประเทศสหรัฐอเมริกา บางแห่งเป็นที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังไปแล้วด้วยนะคะ



อันดับ 10. St. Augustine Lighthouse, Florida

FL.jpg


ประภาคาร St. Augustine ปัจจุบันถูกรักษาไว้ และทำเป็นพิพิธภัณฑ์ อยู่บริเวณตอนเหนือของเกาะ Anastasia
เรื่องราวความหลอนของที่นี่ก็มีหลายอย่าง ตั้งแต่วิญญาณของโจรสลัดที่ถูกประหารแล้วฝังไว้หลังประภาคาร มักออกมาเดินวนเวียนในยามค่ำคืน


วิญญาณของช่างทาสีที่ประสบอุบัติเหตุ และยังคงทำงานอยู่ในชั้นใต้ดิน  และที่มีรายงานว่าถูกพบเห็นมากที่สุด ก็คือวิญญาณเด็กสาวที่ประสบอุบัติเหตุในบริเวณนั้น มายืนอยู่บนชั้นบนสุดของหอคอย และมองออกไปยังทะเล ราวกับต้องการหาร่างของเธอที่จมหายไป

อันดับ 9. Moundsville Penitentiary, West Virginia




แม้ภายนอกจะดูโอ่อ่า สวยงามด้วยสถาปัตกรรมแบบปราสาทโกธิค แต่ความจริงแล้วมันคือคุกนั่นเอง เปิดใช้ในปีค.ศ.1876 สร้างบนสุสานเก่าของชาวอินเดียนแดง สำหรับรองรับนักโทษ 480 คน แต่ภายหลังมีจำนวนเพิ่มสูงถึง 2,400 คน มีนักโทษที่เสียชีวิต ณ ที่นี้เป็นจำนวนมากทั้งจากการประหารชีวิต ถูกทรมาน การฆาตกรรม และฆ่าตัวตาย



เรื่องหลอนของที่นี่เริ่มตั้งแต่หน้าประตูทางเข้าที่เปิด-ปิดเอง คล้ายกับมีคนเดินผ่าน มีผู้ได้ยินเสียงร้องโหยหวน และเสียงหัวเราะออกมาจากในคุก เหล่านักล่าท้าผีที่เข้ามาที่นี่ต่างพูดเป็เสียงเดียวกันว่า พอย่างเท้าเข้าไปก็จะรู้สึกเวียนหัวคลื่นไส้ และกดดันอย่างรุนแรง

อันดับ 8. Myrtle Plantation,LA



อดีตบ้านไร่เก่าตั้งแต่ยุคอาณานิคม สร้างบนพื้นที่ฝังศพของชาวอินเดียนแดง ตั้งแต่บ้านถูกสร้างขึ้นมาก็มีแต่เหตุฆาตกรรม มีการสืบคดีจนพบว่ามีคนถูกฆ่าตายในนี้ไม่ต่ำกว่า 10 คน ส่วนใหญ่เป็นทาสชาวผิวดำที่ทำงานในไร่ และเจ้าของบ้านที่ถูกฆ่าตายบนระเบียงบ้านอย่างปริศนา
เรื่องราวที่ทำให้บ้านหลังนี้เป็นตำนานจริงๆ คือทาสผิวดำที่ชื่อว่าโคลอี้ ด้วยนิสัยชอบแอบฟังเจ้านายคุยกัน เธอจึงถูกทำโทษโดยการตัดใบหู เพื่อแก้แค้นเธอจึงอบเค้กวันเกิดโดยใส่ใบพืชมีพิษให้ครอบครัวของนายจ้างกิน ทำให้ภรรยาและบุตรสาวสองคนตายอย่างทรมาน ส่วนโคลอี้ก็หนีจากบ้าน และฆ่าตัวตายโดยการโดดลงในแม่น้ำมิสซิสซิปปี้(บ้างก็ว่าโดนจับได้และถูกแขวนคอ)



ปัจจุบันที่นี่ถูกเปลี่ยนให้เป็นโรงแรม แต่ความหลอนของมันก็ยังคงไม่สร่างซา ทั่วทุกตารางนิ้วของที่นี่มีผู้พบเห็นเหตุการณ์ประหลาดอยู่เสมอ เช่น เสียงเดินขึ้นลงบันไดที่ปราศจากผู้คน ผู้หญิงใส่ชุดขาวเดินทะลุประตู เสีนงลากโซ่ตรวนของทาสยามดึก ฯลฯ รู้อย่างนี้คุณยังอยากมาพักอีกรึเปล่า?

อันดับ 7. Lincoln Theater, Illinois



โรงหนังเก่าที่มักมีผู้ชมลึกลับเข้ามาร่วมชมด้วยอยู่เสมอ บางตำแหน่งของโรงหนังที่มีอุณหภูมิเย็นจัดจนน่าประหลาด คู่หนุ่มสาวที่ยังคงวนเวียนอยู่รอบๆ โรงหนัง และเสียงฝีเท้าไม่ทราบสาเหตุจากกลางเวที


ตำนานเล่าว่าโรงหนังแห่งนี้สร้างทับอาคารเดิมที่ถูกไฟไหม้ มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นั้นมากมาย ดวงวิญญาณของผู้ที่อยู่ตรงนั้นยังคงวนเวียนอยู่ทุกที่ คุณจะได้ยินเสียงประหลากที่ดังมาจากขั้นบันไดและระเบียง คอยสังเกตด้วยล่ะ ว่าที่นั่งดูหนังอยู่ข้างๆ คุณน่ะ คนจริงๆ ไหม?


อันดับ 6. Bell Witch Cave, Tennessee


ตำนานสยองขวัญที่ถูกกล่าวถึงมากในอเมริกา ถึงขนาดถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนต์เรื่อง The Blair Witch Project ณ จุดนี้คือที่ที่จอห์น เบลล์ และครอบครัวถูกทรมานจนถึงแก่ความตายโดย เคต แบตส์ หรือ "Bell Witch" เพื่อนบ้านของครอบครัวเบลล์ เกิดความเจ็บแค้นที่โดนครอบครัวนี้โกงที่ดิน ก่อนตายเธอจึงแช่งไว้ว่าจะตามจองล้างจองผลาญ จากนั้นครอบครัวนี้ก็เจอเคราะห์กรรมต่างๆ บ้านถูกทึ้งจนกระจุยไม่เหลือสภาพเดิม บางคนถูกทรมานเหมือนมีเข็มทิ่มทั่วร่าง สุดท้ายครอบครัวเบลล์ก็ทยอยตายกันไปทีละคนจนหมดสิ้น


ทุกวันนี้ผู้คนในบริเวณนั้นยังคงเชื่อว่าวิญญาณของ Bell Witch ยังวนเวียนอยู่ไม่ไปไหน โดยเฉพาะในถ้ำเก็บสมบัติครอบครัวเบลล์ มักจะมีเสียงหัวเราะสะใจ และเสียงร้องโหยหวนลอยตามลมมาเสมอ บ้างก็ว่าในถ้ำนี้เชื่อมต่อไปถึงโลกของภูติผี ทีมงานหรือคนที่เข้าไปลองดีมักจะพบกับพลังลึกลับบางอย่างคอยขัดขวาง เช่นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่พกไปจะเสีย และใช้งานไม่ได้ ข้าวของที่พบในบริเวณนี้ก็ห้ามเอากลับไปเด็ดขาด เพราะของทุกชิ้นนั้นถูก "สาป" ไว้หมดแล้ว


อันดับ 5. The Stanley Hotel, Colorado




โรงแรมผีสิงแห่งนี้ เคยถูกใช้เป็นที่ถ่ายทำภาพยนต์สยองขวัญเรื่อง "The Shining" ผีที่มีผู้พบเห็นกันมากที่สุดคือผีเด็กที่ห้อง 1211 ชอบออกมาวิ่งเล่นในยามค่ำคืน และผีเจ้าของโรงแรม นายแสตนลีย์ มักปรากฏตัวที่ล็อบบี้ และห้องบิลเลียด พร้อมกับ นางฟลอร่า ผู้เป็นภรรยาที่ออกมานั่งเล่นเปียโนในห้องดนตรี


อันดับ 4. Alcatraz Prison, California




คุกสุดโหด Alcatraz เคยเป็นทั้งประภาคาร ป้อมปราการของกองทัพ และยังเป็นคุกทหารจนถึงปี 1963 มีนักโทษจำนวนไม่น้อยสังเวยชีวิตจากการพยายามหลบหนีออกจากคุกโหดนี้ มีนักโทษพยายามหลบหนีออกจากเกาะอัลคาทราซทั้งสิ้น 36 คน แต่ไม่เคยมีใครทำสำเร็จ โดยนักโทษ 23 คน ถูกตามจับกลับมา และโดนทรมานปางตาย อีก 6 รายถูกยิงทิ้งขณะหลบหนี ส่วนที่เหลือแม้จะหนีออกมาจากเกาะได้ แต่ก็มีอันต้องจมน้ำเสียชีวิตในอ่าวซานฟรานซิสโก ยังไม่นับรวมที่เสียชีวิตในคุกอีกมากมาย



ทุกวันนี้แม้จะเปิดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว  แต่เรื่องเล่าความหลอนก็ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง นักท่องเที่ยวมักได้ยินเสียงประหลาดเสมอๆ เช่น เสียงปิดประตูห้องขังเอง เสียงหวีดร้องจากใต้ดิน เสียงกระจกแตกในห้องอาหาร เสียงตัดเหล็ก รวมถึงความรู้สึกเหมือนถูกใครบางคนจ้องมองอยู่ตลอดเวลา


อันดับ 3. Waverly Hills Sanitorium


โรงพยาบาล ที่ที่น่าจะเป็นแหล่งรักษา คลายความทุกข์ให้แก่ผู้เจ็บไข้ กลับกลายเป็นที่สุดสยองจากการรักษาอันเป็นไปตามความเชื่อของแพทย์สมัยนั้น ซึ่งโหดร้ายทารุณเสียจนจำนวนคนไข้ที่เสียชีวิตจากการรักษาใกล้เคียงกับเพราะโรคร้ายเลยทีเดียว


สถานพยาบาล Waverly Hills สร้างขึ้นในต้นศตวรรษที่ 20 สำหรับรักษาผู้ป่วยวัณโรค แต่ภายหลังผู้ป่วยได้เพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็วจนสถานที่คับแคบ จึงได้มีการสร้างอาคารหลังใหม่เพิ่มอีก 5 ชั้น  แบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ แผนกผู้ป่วยผิวขาว แผนกผู้ป่วยผิวสี และแผนกผู้ป่วยเด็ก
แม้สถานพยาบาล Waverly Hills จะขึ้นชื่อว่าทันสมัยที่สุดในยุคนั้น แต่การรักษาผู้ป่วยวัณโรคยังเป็นเรื่องใหม่อยู่ บ่อยครั้งที่การรักษากลับกลายเป็นบาปบริสุทธิ์ด้วยวิธีอันแสนจะโหดร้าย เช่น การเลาะซี่โครงผู้ป่วยออก เพราะเชื่อว่าจะช่วยให้เชื้อโรคแพร่กระจายเข้าสู่ร่างกายได้น้อยลง บางครั้งก็ถูกตัดเอาปอดออกไปด้วยโดยใส่ลูกโป่งเข้าไปแทนที่ ยอดผู้เสียชีวิตในสถานพยาบาลแห่งนี้สูงถึง 6,000 กว่าคน โชคดีที่มีการค้นพบยาปฏิชีวนะในปี 1943 ทางสถานพยาบาลจึงเปลี่ยนวิธีรักษา และการแพร่ระบาดของเชื้อวัณโรคลดลงในที่สุด


หลังจากปิดตัวลงในปี 1982 ก็เริ่มมีคนพบเห็นวิญญาณมากมายในที่นี้ เช่น วิญญาณหัวหน้าพยาบาลห้องหมายเลข 502 ที่ปลิดชีวิตตนจากความผิดหวังในรัก หรือผีเด็กที่มีคนพบเห็นเป็นเงา เล่นลูกบอลอยู่ที่ชั้น 4 เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือ เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดทรมาน รอคอยผู้ที่จะมาปลดปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระ

อันดับ 2. Gettysburg, Pennsylvania


จุดปะทะที่ใหญ่ที่สุดของสงครามกลางเมืองระหว่างฝ่ายสหรัฐอเมริกา กับฝ่ายสมาพันธรัฐอเมริกา จบลงด้วยความสูญเสียนองเลือด ยอดผู้เสียชีวิตเกือบ 10,000 คน และบาดเจ็บอีกเกือบ 30,000 คน โดยเฉพาะจุดที่เรียกว่า Devil’s Den หรือถ้ำปีศาจ เป็นป่าหินซึ่งเป็นจุดต่อสู้นองเลือดมากที่สุด ปัจจุบันนี้ผู้คนยังคงได้ยินเสียงฝีเท้าของทหารเดินลาดตระเวนไปทั่วเมือง เสียงยิงปืน เสียงคนกระซิบกัน และเสียงผีทหารที่ตายในสงครามร้องครางด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส



อันดับ 1. Eastern State Penitentiary, Philadelphia



เรือนจำเก่าในฟิลาเดลเฟีย สมัยก่อนจัดว่าเป็นอาคารที่ราคาสูงที่สุดในสหรัฐอเมริกา (ปี 1940) ใช้สำหรับขังอาชญากรตัวฉกาจที่ต้องโทษคดีร้ายแรง ด้วยหลักการที่ว่า "นักโทษสมควรอยู่อย่างโดดเดี่ยว เดียวดายอย่างยาวนานที่สุด" จากวิธีนี้เองทำให้นักโทษเกิดความเครียดจนถึงขั้นเสียสติ และเกิดเหตุสยองขวัญมากมายในเรือนจำแห่งนี้ ยังไม่นับรวมวิธีการที่ใช้ทรมานนักโทษที่พยายามหลบหนี หรือไม่เชื่อฟังคำสั่ง ซึ่งล้วนโหดร้ายทารุณเกินกว่าร่างกายคนจะรับไหว


ผู้ที่เข้าไปเยี่ยมชมมักได้ยินเสียงหัวเราะ ร้องไห้ เสียงกระซิบลอดออกมาจากกำแพง และมักรู้สึกเหมือนมีใครแอบเดินตามอยู่ตลอดเวลา เรื่องราวที่โด่งดังที่สุดของที่นี่ คือ ช่างทำกุญแจคนหนึ่งได้รับหน้าที่ให้มาปลดล็อคประตูห้องขังบล็อคที่ 4 ซึ่งถูกปิดไปนานกว่า 140 ปี เขาเล่าว่าวินาทีที่เขากำลังปลดกุญแจออกนั้น คล้ายกับว่ามีพลังรุนแรงบางอย่างแผ่พุ่งออกมาจนเขาไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้ชั่วขณะหนึ่งเลย  และยังเจอกับใบหน้าเจ็บปวดทรมานของนักโทษอยู่บนกำแพงด้วย แม้ทุกวันนี้ที่นี่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้แล้ว แต่เหตุการณ์ลึกลับ และเรื่องราวอาถรรพ์ของที่นี่ก็ยังคงถูกพบเห็นกันอยู่เรื่อยๆ







ขอบคุณรูปและที่มา : http://travel.truelife.com/detail/3015021



ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

Archiver|WAP|KhonThai America

GMT+7, 2024-5-5 15:19 , Processed in 0.046611 second(s), 25 queries .

Powered by Discuz! X2.5  Language by l3eil3oy

© 2001-2012 Comsenz Inc. style by eisdl

ขึ้นไปด้านบน