KhonThai America : คนไทยในอเมริกา

 ลืมรหัสผ่าน
 ลงทะเบียน
ค้นหา
แท็กยอดนิยม: ภาษาไทย แจก discuz
ดู: 4649|ตอบกลับ: 0
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

แกรนแคนยอน 1 ในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก

[คัดลอกลิงก์]

1188

กระทู้

4

ติดตาม

6160

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

Rank: 8Rank: 8

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ice999 เมื่อ 2015-6-29 13:42

Image.jpg


“แกรนด์ แคนยอน” (Grand Canyon) ตั้งอยู่ในรัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกาความน่าอัศจรรย์ของแกรนด์แคนยอนอยู่ที่ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่โดยถือกำเนิดจากการกัดเซาะของกระแสน้ำ  เป็นดินแดนหินผาและหุบเหวซึ่งหน้าผามีความสูงถึง 1600 เมตร และหุบเหวสูงถึง 450กิโลเมตร แกรนด์แคนยอน มีส่วนกว้างที่สุด 29 กิโลเมตรและลึกมากกว่า 1.5 กิโลเมตร ส่วนล่างของ แกรนด์แคนยอน ซึ่งแม่น้ำโคโลราโดไหลผ่านในปัจจุบันนั้นคือหิน อายุเกือบ 2 พันล้านปี นอกจากนั้น ในบริเวณซอกหลืบของหุบเขาน้อยใหญ่ ยังมีการค้นพบร่องรอย อารยธรรม ของชาวอินเดียน แดงโบราณ ซึ่งยังมีลูกหลานดำรงชีวิตแบบดั้งเดิมและบางส่วนก็ยังคงอยู่ที่ ซึ่งได้ใช้ชีวิตอยู่ในบริเวณหุบเขาแห่งนี้มานานราว 9,000ปีแล้ว แกรนด์แคนยอน จนถึงทุกวันนี้ ทุก ๆ ปีจะมีคนไปชม ความมหัศจรรย์ของแกรนด์แคนยอนไม่ต่ำกว่าสองล้านคน



ทดสอบความกล้าท้าความเสียวกับ“สกายวอล์ก” ทางเดินกระจกรูปเกือกม้า




        การจะรู้ถึงแหล่งกำเนิดของ “แกรนด์แคนยอน”คงต้องขอย้อนอดีตกลับไปนานอักโขในช่วงหลายร้อยล้านปีที่ผ่านมาสายน้ำโคโลราโด (Colorado) ที่มีสภาพเป็นเพียงลำธารเล็กๆได้ไหลคดเคี้ยวตามที่ราบกว้างใหญ่ที่อยู่ระดับเดียวกับน้ำทะเล ต่อมาพื้นโลกเริ่มยกตัวสูงขึ้นเนื่องมาจากแรงดันและความร้อนอันมหาศาลภายใต้พื้นโลก ทำให้เกิดการเปลี่ยนรูปและกลายเป็นแนวหน้าผากว้างใหญ่
      
       ซึ่งการยกตัวของแผ่นดินทำให้ทางที่ลำธารไหลผ่านลาดชันขึ้นและทำให้น้ำไหลแรงมากขึ้นพัดเอาทรายและตะกอนไปตามน้ำเกิดการกัดเซาะลึกลงไปทีละน้อยๆในเปลือกโลกการสึกกร่อนพังทลายของหิน บวกกับแรงลมและแสงแดดได้ดำเนินมานานหลายล้านปีจนเกิดเป็น “แกรนด์แคนยอน” ภูมิประเทศอันน่าพิศวงนี่เอง



ล่องเรือแม่น้ำโคโลราโดชมวิวแกรนด์แคนยอน


สำหรับใครที่ได้มาเยือนยัง“แกรนด์แคนยอน” ดินแดนที่ถูกยกให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของโลกแห่งนี้จะต้องตะลึงกับความอัศจรรย์ของธรรมชาติที่รังสรรค์หุบผ่าสูงชันแห่งนี้ได้อย่างสง่างามน่าเกรงขามเป็นที่ยิ่งแต่ก่อนที่นักท่องเที่ยวจะได้มาเยือนที่แห่งนี้ ในอดีตแกรนด์แคนยอนเคยเป็นผืนแผ่นดินของชาวอินเดียนแดง
      
       ครั้งแรกสุดที่มีการค้นพบดินแดนแห่งนี้คือเมื่อปีพ.ศ.2083 โดยนักสำรวจชาวสเปน แต่ไม่เป็นที่สนใจเท่าไรนักต่อมาในปี พ.ศ.2319 นักบวชชาวสเปน 2 คนได้สำรวจเจอแล้วเผยแพร่ข่าวนี้ออกไปทำให้มีนักสำรวจเดินทางมายังดินแดนแห่งนี้มากขึ้น



จุดชมวิวแกรนด์แคนยอนอันสวยงามอีกแห่งหนึ่งทางฝั่งใต้







       จนกระทั่งในปีพ.ศ.2412 พันตรี จอร์น เวสลีย์ เพาเวลล์ และคณะอีก 9 คนได้ตัดสินใจล่องเรือออกเดินทางสำรวจดินแดนอันน่าพิศวงแห่งนี้แม้สภาพธรรมชาติที่โหดร้ายมีภยันตรายมากมายทั้งโขดหิน แก่งหินและกระแสน้ำอันเชี่ยวกราก ตลอดจนน้ำวนที่น่าสะพรึงกลัวแต่พวกเขาบางคนก็สามารถรอดตายมาได้รวมถึงพันตรี จอร์น เวสลีย์ เพาเวลล์ ด้วย และการสำรวจครั้งนี้เองที่ทำให้พวกเราได้รู้จักแกรนด์แคนยอน


      
       สัดส่วนของ “แกรนด์แคนยอน” แห่งนี้ก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้การกำเนิดของมัน โดยสูงจากระดับน้ำทะเลแตกต่างกันไปตั้งแต่ 381-2,793เมตร มีความกว้างตั้งแต่ 2-24 กิโลเมตรและลึกประมาณ 1.6 กิโลเมตร รอยแยกระหว่างแนวผาของแกรนด์แคนยอนที่มีแม่น้ำโคโลราโดไหลผ่านกันเหวมีความยาวถึงประมาณ347 กิโลเมตร




สิ่งปลูกสร้างแฝงตัวอย่างกลมกลืนกับผาหินขนาดยักษ์


        หุบผาอายุราว17 ล้านปี แห่งนี้ประกอบไปด้วยหินเป็นชั้นๆ ซึ่งเป็นลักษณะชั้นของหินที่ถูกแม่น้ำตัดผ่านมีอยู่ประมาณ 12 ชั้นโดยชั้นล่างสุดเป็นชั้นที่เก่าแก่ที่สุด ส่วนชั้นบนสุด เป็นชั้นที่ใหม่ที่สุดต่างก็มีหินมากมายหลายชนิดและมาจากหลากหลายยุค
      
       ในแต่ละชั้นก็มีสีสันแตกต่างกันไปสีที่เห็นออกไปทางส้ม แดง เหลือง แซมด้วยสีน้ำตาล และดำอันเป็นลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ของ แกรนด์แคนยอน ยิ่งในยามกระทบแสงแดดบางบริเวณก็จะแลเห็นเป็นสีน้ำเงินอ่อน สี่ม่วง สีแดง สีเขียว สีส้มแล้วแต่จังหวะของแสง



คนและล่อดูตัวจิ๋วเมื่อเทียบกับภูเขาหินอันแข็งแกร่งใหญ่โต


        สำหรับดินแดนแห่งหุบเหวกว้างใหญ่แห่งนี้ได้แบ่งเป็น 2 ตอนด้วยกันได้แก่ ขอบผาด้านเหนือ และขอบผาด้านใต้ทั้งสองฝั่งอยู่ห่างกันเป็นระยะทางเฉลี่ยกว่า16 กิโลเมตรโดยมีหุบเขาตัววี (V-shaped valley) ที่ถูกกัดเซาะด้วยแม่น้ำคั่นระหว่างกลางมีความลึกจากขอบหน้าผาลงไปถึงแม่น้ำด้านล่างถึง 1,829 เมตร
      
       แกรนด์แคนยอนฝั่งเหนือหรือ “North Rim” สูงประมาณ 2,500 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ด้วยความสูงระดับนี้ทำให้ขอบผาด้านเหนือมีสภาพอากาศแตกต่างกันอย่างมากเมื่อถึงฤดูหนาวหิมะจะตกหนักจนไม่สามารถเดินทางเข้าไปได้ดังนั้นนักท่องเที่ยวจะนิยมมาเยี่ยมชมแกรนด์แคนยอนฝั่งเหนือนี้ในฤดูร้อนคือช่วงเดือนพฤษภาคมไปจนถึงเดือนตุลาคม



ล่องเรือแม่น้ำโคโลราโดอีกหนึ่งกิจกรรมผจญภัยที่น่าลิ้มลอง


        ทางฝั่งเหนือนี้มีจุดชมวิวหลักๆอยู่2 แห่งด้วยกันได้แก่ “พอยน์ท อิมพีเรียล” (Point Imperial) ถือเป็นจุดที่สูงที่สุดในฝั่งเหนือคือประมาณ 2,700 เมตร วิวในมุมนี้จะมองเห็นได้กว้างไกลรวมไปถึงทะเลทรายหลากสี (Painted Desert) และป่าสงวน (NavajoReservation) ด้วย อีกจุดหนึ่งได้แก่ “แคพ รอยัล” (Cape Royal) อยู่สูงประมาณ 2,400เมตร เหมาะสำหรับเดินชมวิวทิวทัศน์ไปตามขอบผาสูงชันซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นจุดชมวิวได้สวยที่สุดในฝั่งเหนือก็ว่าได้ และที่แคพ รอยัลยังมีที่จอดรถกว้างขวางด้วย
      
       จุดชมวิวอื่นๆที่ขึ้นชื่อได้แก่ โทโรวีพ ( Toroweap Overlook ) อยู่ ณริมหุบผาชันทางด้านเหนือ กว้างประมาณ 800 เมตร หรือที่ นอร์ธไคแบ็บ เทรล (North Kaibab Trail) ซึ่งเป็นทางแคบๆผ่านไปตามขอบเหวลึกอย่างน่าตื่นเต้นหวาดเสียว



แกรนด์แคนยอนจะเปลี่ยนบรรยากาศไปตามฤดูกาลและสภาพอากาศ


        ส่วนแกรนด์แคนยอนทางฝั่งใต้ ที่เรียกว่า “South Rim” สูงประมาณ 2,000 เมตรทางฝั่งนี้จะเปิดรับนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี และสามารถเดินทางได้สะดวกจากลาสเวกัสมลรัฐเนวาด้า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงชมแกรนด์แคนยอนจากฝั่งใต้มากกว่าสำหรับวิวทิวทัศน์ทางฝั่งนี้ เบื้องล่างจะเห็นแม่น้ำโคโลราโดส่วนด้านบนสร้างเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์ตามแบบของพวกชนพื้นเมืองเดิมที่เคยอาศัยอยู่ในบริเวณนี้มาก่อน
      
       หากใครที่ต้องการสัมผัสความเสียวถึงขั้วหัวใจล่ะก็ขอให้ลองจ่ายเงินเพื่อพิสูจน์วัดใจตัวเอง ด้วยการเดินบน “สกายวอล์ก”(Skywalk) ทางเดินกระจกรูปร่างคล้ายเกือกม้ายื่นออกมาจากขอบผาไปประมาณ21 เมตร เสมือนการเดินบนอากาศด้วยระดับความสูงกว่า 1,220เมตร เลยทีเดียว ซึ่งนอกจากความหวาดเสียวแล้วยังจะได้ชมทัศนียภาพของแกรนด์แคนยอนแบบไม่เหมือนใครอีกด้วย



วิวทิวทัศน์จากจุดชมวิวเคพรอยัล


       และแน่นอนว่าแกรนด์แคนยอนย่อมต้องมีเสน่ห์ดึงดูดผู้ที่หลงใหลในการผจญภัย ซึ่งก็มีเส้นทางให้เลือกเข้าหาแกรนด์แคนยอนได้หลากหลายทั้ง อาทิ เส้นทางเดินเท้าลัดเลาะลงสู่เบื้องล่างของหุบผาและตลิ่งของแม่น้ำโคโลราโดโดยการเดินทางจากริมหน้าผาด้านบนลงไปถึงแม่น้ำโคโลราโดเบื้องล่างต้องเดินเป็นระยะทางกว่า16 กิโลเมตรและมีการเปลี่ยนระดับความสูงถึง 1,220 เมตรผู้ที่ตั้งใจจะเดินลงไปข้างล่างจึงควรเผื่อเวลาไว้ 2 วันโดยลงไปนอนเต็นท์ด้านล่าง 1 คืนแล้วจึงค่อยเดินกลับขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น
      
       หรือหากเดินไม่ไหวก็มีล่อ (mule) บริการนักท่องเที่ยวสามารถขี่เจ้าล่อขึ้นลงเขาได้อย่างมั่นใจปลอดภัยเพราะเจ้าล่อที่นี่เป็นผู้เชี่ยวชาญชำนานทางเป็นอย่างดีเรียกได้ว่าดีกว่าคนด้วยซ้ำ แต่พอลงจากล่ออาจต้องเดินขากางไปหลายวันก็เป็นได้



วิวแกรนด์แคนยอนอันสวยงามน่าเกรงขามจากจุดชมวิวพอยน์ทอิมพีเรียล


หรือใครชอบทางน้ำก็สามารถล่องแก่งด้วยเรือยางไปตามแม่น้ำโคโลราโดที่ถือว่าเป็นแก่งที่ยากที่สุดในโลกด้วยระยะทางยาวกว่า 400 กิโลเมตร น้ำที่ไหลเชี่ยวผ่านเกาะแก่งหินมากกว่า 150 แห่ง และน้ำวนที่เดือดพล่านอยู่เป็นแห่งๆ ท้าทายฝีมือของผู้รักสนุกพร้อมชมความสวยงามระหว่างเส้นทางสองฟากฝั่งและยังได้พักค้างคืนท่ามกลางหุบเขาสูงโอบล้อมอีกด้วย ช่างคุ้มค่ากับชีวิตจริงๆ



เรียบเรียง Ice : KhonThaiAmerica


แกรนด์แคนยอนฝั่งใต้สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปีแต่สำหรับแกรนด์แคนยอนฝั่งเหนือจะเที่ยวได้เฉพาะในฤดูร้อนคือช่วงเดือนพฤษภาคมไปจนถึงเดือนตุลาคมเท่านั้นและควรสอบถามที่พักและกิจกรรมต่างๆล่วงหน้าค่ะ

รูปและที่มา http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9520000047153
รูปจาก designlike.com grandcanyontreks.org pacificislandparks.com
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

Archiver|WAP|KhonThai America

GMT+7, 2024-5-5 10:29 , Processed in 0.050178 second(s), 25 queries .

Powered by Discuz! X2.5  Language by l3eil3oy

© 2001-2012 Comsenz Inc. style by eisdl

ขึ้นไปด้านบน