KhonThai America : คนไทยในอเมริกา

 ลืมรหัสผ่าน
 ลงทะเบียน
ค้นหา
แท็กยอดนิยม: ภาษาไทย แจก discuz
ดู: 5652|ตอบกลับ: 0
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

10 สุดยอด เรื่องลึกลับของอเมริกา

[คัดลอกลิงก์]

1188

กระทู้

4

ติดตาม

6160

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

Rank: 8Rank: 8

10 สุดยอดเรื่องลึกลับของอเมริกา

Urban Legends มีความหมายว่าตำนานเมืองเรื่องเล่าที่มีอยู่ในเมืองนั้นๆโดยเรื่องเล่านั้นอาจเป็นนิทานหรือตำนานร่วมสมัยที่ทันสมัยเป็นความเชื่อที่ไม่มีหลักฐานหากแต่หลายคนเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงและถูกนำมาเล่าปากต่อปากใส่สีตีไข่ให้มันสมจริงโดยตำนานส่วนใหญ่จะมีองค์ประกอบของความลึกลับ สยองขวัญ น่ากลัว และตลกส่วนมากมักเป็นคำเตือนที่แฝงด้วยคำสอนต่างๆตัวอย่างเช่นที่ประเทศญี่ปุ่นมีตำนานเรื่องผีฮานาโกะในห้องน้ำโรงเรียนตอนกลางคืนหรือผีสาวปากฉีดที่ดักทำร้านเด็กหลังเลิกเรียน เป็นต้น

ตำนานเมืองมีอยู่ทั่วโลก  แต่คุณเคยได้ยินตำนานเมืองของประเทศอเมริกาหรือเปล่าคะ...และต่อไปนี้เราขอเสนอตำนานเมืองที่มีชื่อเสียงของอเมริกาที่สยองน่าขนหัวลุกพร้อมกับชวนหัวในเวลาเดียวกัน

อันดับ 10 The Automatic 4.0

เป็นหนึ่งในตำนานเมืองที่เป็นเรื่องเล่าของมหาวิทยาลัยเขตตั้งแต่ปี1970 และถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์และซีรีย์อเมริกาเรื่อง Dead Man on Campus 1998 (ภาพยนตร์ห่วยได้คะแนน 15% )โดยเล่ากันว่าหากในโรงเรียนหรือมหาลัยแห่งใดมีเด็กนักเรียนเพื่อนร่วมฆ่าตัวตายปัจุบันทันด่วนจะได้รับเกรดเฉลี่ย 4.0 ของภาคเรียนการศึกษาโดยอัตโนมัติทันทีซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการปลิดชีพของวิทยาลัย (ใจดีพิลึก)ตำนานนี้มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยในเวลาต่อมาเช่นเกิดฆาตกรรม หรืออุบัติเหตุแต่ยึดหลักพื้นฐานของเพื่อนร่วมห้องตาย = เกรดดีทั้งหมด (หมายถึงเกรด A นะไม่ใช่ D) แน่นอนเรื่องนี้ไม่เป็นจริงแน่นอนและเชื่อว่าที่มานั้นมาจากการเล่าเล่นๆ เอาตลกของนักศึกษา

jennifer_morrison_urban_legends_final_cut_001.jpg


อันดับ 9 Mr. Rogers Was a Navy Seal

เฟร็ด โรเจอร์ส (1928-2003)เป็นชาวอเมริกันนักแต่งเพลงและผู้จัดรายการโทรทัศน์ MisterRogers' Neighborhood รายการเด็กที่ฮิตในช่วง 1968-2001 ด้วยบุคลิกเป็นคนอ่อนโยนเสียงเบาอ่อนหนุ่มและความตรงไปตรงมาทำให้หลายคนต่างติดใจรายการของเขาและเขาพยายามเรียกร้องรัฐบาลให้สนับสนุนรายการเด็กมากกว่าจะไปทำสงครามเวียดนาม

โดยจุดเด่นของเขาก็คือการรวมเสื้อแขนยาวสีแดงแล้วไปปรากฏตัวในรายการโทรทัศน์อยู่เสมอและเนื่องด้วยช่วงที่เขาทำรายการเป็นช่วงสงครามเวียดนามพอดีจึงข่าวลือว่าเขาเป็นเครื่องจักรสังหารในสงครามเวียดนามที่ว่ากันว่าเขาฆ่าพวกเวียดกงเป็นจำนวนมาก สามารถฆ่าคนด้วยมือเปล่าจนเขามีบาดแผลเต็มตัวจนต้องสวมเสื้อแขนยาวปกปิดบาดแผลและปกปิดรอยสักสุดโหดนี้เอาไว้ แม้ว่าอากาศจะร้อนเพียงใดก็ตาม

ซึ่งข่าวลือนี้ไม่เป็นจริงเพราะประวัติเขาเปิดเผยแล้วว่าเขาไม่เคยทำหน้าที่ทางการทหารใดๆมาก่อนเลย หากข่าวลือก็เริ่มขึ้นอีก ในปี 1990 ว่าเขาเป็นทหารในสงครามเกาหลี





อันดับ 8 Bloody Mary

บลัดดี้ แมรี่เป็นผีหรือแม่มด เป็นตำนานพื้นบ้าน (ช่วงปี 1970)ที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางเป็นพิธีที่มักทำเล่นกันในห้องน้ำที่มืดๆ โดยการเรียกเธอสามครั้ง (หรือหลายครั้งแต่ความเชื่อปัจจุบันบอก 13 ครั้ง)และความเชื่อนี้พิธีกรรมการละเล่นหลายแบบ แต่โดยรวมๆ คือต้องเข้าไปในห้องน้ำปิดไฟและยืนกระจกในที่มืด และเรียกชื่อของเธอสามครั้งแต่ตอนนี้จะต่างตรงที่อาจมีอะไรเสริมเข้ามา เช่น ต้องสวดมนต์ร้อยครั้ง.ต้องเที่ยงคืน, น้ำไหล, ใช้เทียนไขและแมรี่จะปรากฏในกระจกเป็นผีผู้หญิงลางๆ บางทีกระจกจะกลายเป็นสีแดงหรือมีเสียงกรีดร้องโดยประวัติของแมรี่นั้นค่อนข้างหลากหลายบางคนบอกว่าเธอเป็นแม่มด, หญิงที่สูญเสียลูกจนต้องฆ่าตัวตาย หรือเป็นฆาตกร เป็นต้นและตำนานของเธอก็ถูกดัดแปลงมากมาย เช่นเป็นพิธีทดสอบความกล้าหากยอมแพ้แมรี่จะเอาชีวิตหรือเป็นรูปแบบพยากรณ์อย่างเช่นปอกแอปเปิลหน้ากระจกตอนเที่ยงคืน ร้องเพลงในคืนพิเศษแล้วมองผ่านกระจกอย่างเร็วๆจะเห็นหน้าของเนื้อคู่ลางๆ เป็นต้น




อันดับ 7 JFK and the Jelly Doughnut Speech

Ich bin ein Berliner เป็นมุขตลกของชาวอเมริกันและเยอรมัน และถูกนำไปแพร่หลายในอินเตอร์เน็ตอย่างแพร่หลายส่วนไทยเรานำประโยคนี้มาใช้สอนภาษาอย่างสนุกสนาน

มุกIch bin ein Berliner นั้นมาจากประธานาธิบดีจอห์นเอฟ เคนนาดี้ที่ไปกล่าวสุนทรพจน์ต่อหน้าฝูงชนใจกลางกรุงเบอร์ลินตะวันตกในช่วงสงครามเย็นเมื่อวันที่26 มิถุนายน 1963 เขาได้ขึ้นไปตึกที่ทำการเทสบาลและพูดประโยคสุดแสนคลาสสิกภาษาเยอรมันต่อหน้าประชาชนชาวเยอรมันที่อยู่ที่นั่นว่า

"Ichbin ein Berliner." ซึ่งแปลว่า " ผมเป็นชาวเบอร์ลิน"

เพื่อแสดงเจตจำนงในการเผชิญหน้ากับสหภาพโซเวียตหากแต่กระนั้นประโยคนี้มันมีอีกความหมายหนึ่ง เนื่องจากคำว่า Berliner เป็นชื่อขนมของเยอรมันที่มีลักษณะคล้ายโดนัท ดังนั้นชาวเยอรมันหลายคนจึงเขาใจประโยคนี้ว่า “ผมเป็นโดนัท” และจากนั้นเป็นต้องมามุกนี้ก็ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายที่เยอรมันและสหรัฐอเมริกา(โดยการใช้คำว่าเบอร์ลินสองความหมายให้เข้าใจต่างกัน)



อันดับ 6 Cokelore

โค้ก หรือ โคคา โคล่าเครื่องดื่มยอดนิยมที่ผมเขียนถึงมันหลายครั้งแล้วและหลายปีที่ผ่านมาเรื่องราวของมันถูกเล่าขานเป็นตำนานความเชื่อมากมายโดยตำนานที่มีชื่อเสียงก็เช่นหากกินขนม Pop Rocks (ขนมที่เป็นเม็ดๆ กินแล้วซ่าและเปรี้ยวในปาก) พร้อมโค้กจะทำให้กระเพาะอาหารพังได้หรืออีกตำนานเล่าว่าโค้กจะทำให้ฟันผุเนื่องจากกรดโวดาละลายฟันหรือว่าโค้กมีส่วนผสมของโคเคนซึ่งเป็นยาเสพย์ติดต้องห้ามซึ่งเรื่องโคเคนนี้เป็นจริงและมันได้สร้างภาพลบของโค้กต่อเนื่อง

จนกระทั้งมีการเปลี่ยนสูตรใหม่ในเวลาต่อมานอกจากนี้ในอินเตอร์เน็ตโค้กถูกนำอ้างว่าเป็นเครื่องดื่มที่สามารถทำลายกระเพาะและอวัยวะภายในของคุณได้โดยใจความบอกว่าถ้าคุณวาง T-bon สเต็กในชามมันจะละลายเมื่อเวลาผ่านไป 2 วันเพราะโค้กมีค่าความเป็นกรดด่างถึง pHอยู่ 2.8  มันมีความเป็นกรดอยู่สูง
มากพอที่จะละลายตะปูได้ภายใน 4 วัน (เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เพราะ pH ของโค้กมีค่า2.5 ซึ่งใกล้เคียงกับมะนาว หรือ เลมอน มีค่า pH2.4 หรือ ส้ม มีค่า pH3.5)


อันดับ 5 The Good Samaritan

ชาวสะมาริตันผู้ใจดีเป็นเรื่องราวที่ปรากฏในไบเบิ้ลที่เล่าถึงชายที่มีน้ำใจรักษาคนบาดเจ็บจากคนปล้นระหว่างทางและคำนี้ก็ได้กลายเป็นตำนานของชาวอเมริกันที่เล่าถึงคนรวยปลอมตัวเป็นคนจนหรือแกล้งทำเป็นเดือดร้อนรอให้คนอื่นมาช่วยเหลือและตอบแทนแก่ผู้ช่วยเหลือเหล่านั้นด้วยรางวัลที่มีค่าอย่างมหาศาล

โดยส่วนมากตำนานจะเอาคนดังที่ปลอมตัวเป็นคนจน เช่นบิลล์ เกตส์ หรือ แนท คิง โคล (นักเปียโน, นักแต่งเพลงและนักร้องเพลงแจ๊ซชาวอเมริกัน)โดยพวกเขาจะทำเป็นรถเสียและรอให้คนมาเปลี่ยนยางให้หากมีคนมาช่วยพวกเขาจะขอที่อยู่ของเพื่อส่งรางวัลไปให้และไม่กี่สัปดาห์ต่อมาพวกเขาก็ได้พัสดุว่าเขาได้รับเงิน 10,000 ดอลลาร์ พร้อมกับลงนามผู้ส่งเป็นชื่อบุคคลดัง อีกตำนานอาจมีการดัดแปลงเช่นผู้ขอความช่วยเหลืออาจเป็นกษัตริย์หรือเจ้าหญิงประเทศใดประเทศหนึ่งปลอมตัวมาเพื่อขอความเชื่อเหลือและคำว่าชาวสะมาริตันผู้ใจดีนี้เป็นคำที่โดนใจคนอเมริกันที่สุดเป็นคำที่สื่อมวลชนชอบใช้ค่าที่มันจับจิสร้างจินตนาการให้ผู้อ่านผู้ฟังมากที่สุดคำหนึ่ง และมักถูกใช้เป็นชื่อของสมาคมคลินิก บ้านพักผู้ยากไร้ในที่ต่าง ๆ




อันดับ  4  Walt Disney IsCryogenically Frozen


เคยดูภาพยนตร์ซีรีย์เรื่องหนึ่งใน CNไหมครับที่เด็กชายคนหนึ่งได้รับอุบัติเหตุจนต้องมีการผ่าตัดเปลี่ยนสมองโดยสมองที่มาเปลี่ยนนั้นเป็นสมองเจ้าของสวนสนุกที่นำถูกนำมาแช่เย็นเก็บรักษาเอาไว้และเมื่อทำการเปลี่ยนเขาก็พบว่าเขาสามารถเห็นตัวการ์ตูนในจินตนาการที่มีแต่เขาที่มองเห็นได้(จำชื่อเรื่องไม่ได้ครับใครก็ได้ช่วยบอกที)

เรื่องนี้มาจากเรื่องเล่าในตำนานของวอลต์ ดิสนีย์ผู้กำเนิดมิกกี้เมาส์และพรรคพวก โดยมีเรื่องเล่าของเขาว่าเป็นหลังเขาตายได้มีคนนำศพของเขา(หรือสมองของเขา)แช่แข็งไว้ด้วยเทคโนโลยี Cryonics ด้วยความหวังว่าเทคโนโลยีในอนาคตจะสามารถนำเขากลับมามีชีวิตได้

โดยที่มาของตำนานนี้มาจากวันที่เขาตายเมื่อปี 1966ไม่มีงานศพ (มีการเปิดเผยในเวลาต่อมาว่าเขาร้องขอไม่ให้มีงานศพ)ไม่เปิดเผยสาเหตุการตาย(มีการเปิดเผยความจริงในเวลาต่อมาว่าเขาตายด้วยโรคมะเร็งปอด)อีกทั้งด้วยความมีชื่อเสียงและนักประดิษฐ์เขาชอบเรื่องไซไฟนำไปสู่การสร้างตำนานอันยาวนานนี้



อันดับ 3 The SewerAlligator

จระเข้ในท่อระบายน้ำเป็นเรื่องเล่าที่โด่งดังในปี 1920 และ 1930โดยเป็นเรื่องของจระเข้ที่อาศัยในท่อระบายน้ำแห่งมหานครนิวยอร์กโดยเรื่องเล่านี้เล่าสืบทอดกันมาไม่ขาดสาย และไม่ปรากฏแห่งที่มา

โดยมีเรื่องเล่ากันว่ามีครอบครัวหนึ่งรวยมากกลับมาจากการพักร้อนในฟลอริดาและไม่สนใจกฎหมายในนิวยอร์ก พวกเขาได้ซื้อสัตว์เลี้ยงเป็นของขวัญให้เด็กโดยเป็นจระเข้ และเลี้ยงมันในห้องน้ำ ปรากฏว่ามันโตขึ้นดุร้ายขึ้นจนพวกเขาเลี้ยงไม่ไหวและเกรงว่าจะเป็นอันตรายกับคนในครอบครัวพวกเขาเลยทิ้งมันในท่อระบายน้ำอุจจาระ โยนทิ้งที่ท่อคอห่าน

แต่ปรากฏว่ามันไม่ตายและรอดชีวิตจากการกินหนูและขยะ มันเจริญเติบโตจนมีขนาดใหญ่อย่างน่ากลัวและวันดีคืนดีมันจะโผล่หัวออกมาจากท่อระบายน้ำอุจจาระเข้ามางับหรือทำอันตรายต่อผู้คนที่ผ่านไปผ่านมา(นอกจากนี้มันยังมีเรื่องเล่าเสริมอีกว่ามันเป็นจระเข้เผือกเพราะว่ามันอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่สัมผัสแสงแดดและสูญเสียการมองเห็นและบางที่ก็เล่าว่าเป้นจระเข้ที่หลุดออกจากสวนสัตว์)

ในปี 1930 มีหนังสือพิมพ์ออกมาเขียนว่าพบจระเข้ในรอบนิวยอร์กและมีบางคนอ้างว่าเห็นตำรวจเดินลงเข้าไปท่อระบายน้ำพร้อมอาวุธล่าสัตว์แม้เรื่องนี้จะเป็นจริงหรือไม่ก็ตามแต่กระนั้นท่อระบายน้ำในมหานครนิวยอร์กถือได้ว่าเป็นสถานทีน่ากลัวที่ไม่มีใครอยากลงไปอยู่ดี



อันดับ 2 The VanishingHitchhiker

เป็นหนึ่งในตำนานที่เก่าแก่ที่และฮิตที่สุดในช่วงปี1981 ไม่เพียงแต่อเมริกาเท่านั้นยังเป็นหลายประเทศทั่วโลกด้วย อาจจะแตกต่างไปบ้างในบางพื้นที่ แต่ส่วนหลักๆเหมือนกันเกี่ยวกับผีผู้หญิงที่ชอบโบกรถ

โดยเล่ากันว่าหากคืนมีคนกำลังขับรถในถนนที่ร้างผู้คนจู่ๆ เขาจะเห็นผู้หญิงสาววัยรุ่น กำลังโบกรถอยู่ข้างทางตามลำพังเขาจึงแวะรับเธอขึ้นรถมาด้วย และเมื่อถึงจุดหมายปลายทางที่หญิงสาวต้องการเมื่อเขาหันไปเพื่อบอกลาเธอ เธอก็หายตัวไปอย่างลึกลับจากเบาะหลัง ด้วยความสับสนเขาเลยกดออดที่หน้าบ้านของเธอ

เพื่อสอบถามเรื่องดังกล่าว ก็พบว่าหญิงสาวที่ว่านั้นได้รับอุบัติเหตุรถยนต์ตายก่อนหน้าแล้วที่จุดที่เขารอรับเธอในขณะที่เธอพยายามกลับบ้านและหญิงสาวที่เขาเจอก็คือผีนั่นเอง และเรื่องเล่านี้อาจมีหลายส่วนที่เปลี่ยนไปบ้างเช่น กลางคืนที่ว่าอาจฝนตก และตัวหญิงสาวอาจตัวเปียกปอน เขาจึงให้เธอยืมเสื้อแจ๊คเก็ตของเขาให้กับเธอและเมื่อถึงบ้านที่หมาย(บางที่ก็เป็นสุสาน) เธอกลับหายไปพร้อมกับเสื้อแจ็คเก็ตของเขา ด้วยความข้องใจชายคนนั้นจึงลงจากรถไปเคาะประตูบ้านหลังนั้น ก็พบว่าเธอได้เมื่อ 10 ปีมาแล้ว และเมื่อวันรุ่นขึ้นเขาไปหลุมฝังศพ
ของเธอก็พบเสื้อแจ๊คเก็ตของเขาวางพับประณีตเรียบร้อยอยู่หน้าหลุมฝังศพของเธอ



อันดับ 1 The Kidney Heist

เป็นตำนานที่แพร่หลายที่สุดในโลกออนไลน์รายการโทรทัศน์ และภาพยนตร์ โดยสมมุติว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นในปี 1997มีอาชญากรรมรูปแบบใหม่ที่น่ากลัวออกอาละวาดในเมืองโดยเหยื่อส่วนใหญ่เป็นหญิงสาวหรือนักเดินทางที่กำลังผ่อนคลายโดยไปที่ร้านหรือบาร์เพื่อดื่มกินเครื่องดื่มและระหว่างดื่มกินจะมีคนแปลกหน้ามาพูดคุยทำความสนิทสนมและคนแปลกหน้าจะเอาเครื่องดื่มให้เหยื่อคนนั้นดื่มหลังจากนั้นเหยื่อคนนั้นจะเกิดอาการมึนงง และง่วงนอน จนหมดสติไป

ก่อนที่จะตื่นขึ้นในอ่างน้ำที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งที่ห้องพักโรงแรมหรือบ้านร่างแห่งหนึ่งและมีโทรศัพท์อยู่ถัดไป และเมื่อเหยื่อโทร 911 แพทย์ก็มาถึงก็พบว่าที่ร่างกายของเหยื่อมีรอยผ่าตัดและตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่าไตถูกขโมยไปและไตที่ว่านั้นได้ถูกนำไปขายในตลาดขายอวัยวะมืดในราคาแพงลิบลิ่ว

และนี้คือตำนานเมืองที่หลายคนเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงจนถึงขั้นมีการร้องเรียนต่อมูลนิธิไตแห่งชาติว่าควรตรวจสอบไตว่าไตไหนเป็นไตที่ถูกขโมยมาและเรื่องขโมยไตนี้ก็โด่งดังในประเทศไทยด้วยโดยเนื้อหาเปลี่ยนเป็นผู้ป่วยไปรักษาตัวในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ทำการผ่าตัด และผู้ป่วยก็พบว่าไตหายเป็นต้น





รูปจาก http://www.cmxseed.com/cmxseedforumn/?topic=44892.0

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

Archiver|WAP|KhonThai America

GMT+7, 2024-5-6 07:10 , Processed in 0.036842 second(s), 25 queries .

Powered by Discuz! X2.5  Language by l3eil3oy

© 2001-2012 Comsenz Inc. style by eisdl

ขึ้นไปด้านบน