KhonThai America : คนไทยในอเมริกา

 ลืมรหัสผ่าน
 ลงทะเบียน
ค้นหา
แท็กยอดนิยม: ภาษาไทย แจก discuz
ดู: 4584|ตอบกลับ: 0
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

3 Steps เก่งภาษา..แบบไม่ต้องพึ่งตำรา

[คัดลอกลิงก์]

1188

กระทู้

4

ติดตาม

6160

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

Rank: 8Rank: 8

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ice999 เมื่อ 2015-6-10 20:04

  
558000006238301.JPEG


หลายคนอาจเคยเจอปัญหาที่ว่าท่อง  Tense มาเป๊ะ  จำหลักไวยากรณ์แม่นมาก แต่เมื่อถึงเวลาพูดกับฝรั่งจริงๆ แล้วทำไมไปไม่เป็น  หรือนึกโครงสร้างประโยคที่ต้องใช้ไม่ออก หรือน้องๆ  บางคนอยากที่จะสื่อสารภาษาอังกฤษแต่ยังขาดความมั่นใจและความกล้าที่จะแสดงออก จึงขอนำเทคนิคมาฝากกันสำหรับคนที่อยากเก่งภาษาและอยากมีความกล้าจะที่พูดหรือสื่อสารภาษาอังกฤษแบบไม่ต้องใช้ตำราใดๆ  ตามมาดู 3 ขั้นตอนง่ายๆ ที่จะทำให้น้องๆ เก่งภาษากันเลย..
         

         Step 1 : ปรับทัศนคติ (mindset)
         
          ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามีคนจำนวนมากที่ทำให้หมดกำลังใจในการฝึกพูดภาษาอังกฤษ  คนเหล่านั้นมักมองว่าคนที่พูดชัดสำเนียงดีนั้นคือคนชอบโชว์พาว  ส่วนคนที่พยายามพูดให้ชัดมักถูกมองว่าเวอร์  และคนที่พูดภาษาอังกฤษไม่ชัดคือคนที่อ่อนภาษา..
         
          หลายคนคงเคยอยู่ในสภาวะที่แวดล้อมไปด้วยคนที่มีทัศนคติแบบนี้  ทำให้เราอายไม่อยากพูดภาษาอังกฤษ ทั้งๆ ที่เราคิดว่าเราทำได้ดี  แต่กลายเป็นว่าตัวเราเองทำให้คนเหล่านี้มากดดันเราได้  จริงอยู่ที่เราไม่สามารถเปลี่ยนความคิดคนเหล่านี้ได้  แต่เราเปลี่ยนความคิดของเราได้ด้วยการคิดว่า “เธอจะคิดอะไรก็คิดไป  แต่ซักวันฉันจะเก่งภาษาอังกฤษกว่าเธอ”
         
         หยุดคิดว่าตัวเองทำไม่ได้!!
         
          นักลงทุนและผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จทุกคนบอกเหมือนกันว่า  “ถ้าจะเริ่มลงทุนลงแรงกับอะไรซักอย่าง อย่ารอจนกว่าจะพร้อม  ให้เริ่มทำตอนที่ยังไม่พร้อม” การที่เราเริ่มฝึกทักษะการฟังจากอินเตอร์เน็ต  หรือการเปิดยูทูปถือว่าช่วยได้มาก ถึงแม้ในระยะเริ่มต้นผู้ฟังอาจฟังไม่ออก  จับประเด็นสำคัญของผู้พูดไม่ได้ หรืออาจแปลความหมาย จับต้นชนปลายไม่ถูก  แต่ขอแนะนำให้ลองฟังไปก่อนโดยที่ไม่ต้องรู้ความหมาย ให้หูของเราเกิดความคุ้นชินและเกิดการปรับตัว  ที่สำคัญคือเลิกคิดว่าตัวเองทำไม่ได้หากยังไม่ได้ลองทำก่อน
         
         
         จำไว้ว่าไม่จำเป็นต้องฝึกเหมือนคนอื่น
         
          หลายคนอาจเคยถามหรือถามคนอื่นกันอยู่แล้วว่า  ฝึกภาษากันยังไง เรียนเพิ่มเติมที่ไหน คนเรามีความสามารถในการรับรู้ต่างกัน  และมีความถนัดต่างกัน เวลาของแต่ละคนมีไม่เท่ากัน  เพราะฉะนั้นต้องลองวิเคราะห์ดูว่าเราเหมาะที่จะฝึกแบบไหนมากกว่า เช่น  หากใครชอบฟังเพลง อาจจะหาเพลงสากลที่ชอบมาเปิดเนื้อเพลงดูตามไปด้วย  ซึ่งนอกจากจะได้รู้ความหมาย ได้คำศัพท์จากบทเพลงแล้ว  ยังทำให้เราเข้าถึงความหมายเพลงได้ดีกว่าเดิมด้วย
         
         สรุปสิ่งที่ควรและไม่ควรทำเพื่อที่จะเก่งภาษาอังกฤษ..
         
         DOs
         -กล้าที่จะพูด
         -อย่ากลัวที่จะถาม
         -มองในแง่ดี คนที่เก่งภาษาทุกคนเริ่มต้นจาก 0
         
         DON’Ts
         -คิดว่าตัวเองอ่อน ไม่มีพรสวรรค์
         -คิดว่าทำไม่ได้หรอก ยากเกินไป แค่ภาษาไทยยังไม่รอด
         -ไม่กล้าพูด กลัวคนรอบข้างหาว่ากระแดะ
         
         Step 2 : เตรียมเครื่องมือการฝึก
         
         สิ่งที่คุณต้องมี..
         - Internet
         - คอมพิวเตอร์ / มือถือ
         - Google account
         - Google Dictionary Chrome Extension
         
          แน่นอนว่าเครื่องมือการฝึกในสองข้อแรกทุกคนต้องมีกันอยู่แล้ว  สำรหรับ Google accountก็มีให้สมัครฟรี และสำหรับ Google Dictionary Chrome Extension ก็สมัครใช้ฟรีเพียงแค่มี  Chrome เท่านั้น การฝึกภาษาที่ดีควรมีการจดบันทึก  ดังนั้นเทคนิคในการจดคำศัพท์ที่น่าสนใจคือจะต้องจดได้ทุกที่  สามารถเปิดออกดูได้ทุกที่ทุกเวลา และต้องใช้งานง่าย
         
          การที่เราต้องพกสมุดกับปากกาไปทุกที่คงเกิดความไม่สะดวก การค้นหาคำศัพท์ที่เคยเจอแล้วก็ยากเพราะฉะนั้นเราจึงใช้งานจากสิ่งที่เราพกไปทุกที่นั้นคือ โทรศัพท์มือถือด้วยการใช้ google doc แทนสมุดปากกาต่อไปนี้คือตัวอย่างสมุดจดศัพท์ส่วนตัวของเจ้าของบทความ



Docs ใน Google เป็นสมุดจดคำศัพท์ ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องมือที่ดีมากๆใช้งานฟรี สามารถเก็บไว้ใช้ส่วนตัวหรือแชร์ให้คนอื่นด้วยก็ได้แต่คนส่วนมากไม่ทราบกัน วิธีการใช้งานตัวนี้คือเข้าไปใน Docs.google.com สำหรับคนที่มี Google account แล้วสามารถ loginได้เลย ส่วนคนที่ยังไม่มีให้สมัครก่อน
        


      
เมื่อเข้าไปแล้ว ให้เราคลิก Create เลือก Spreadsheetจากนั้นเราจะมาสร้าง File คล้าย Excel เอาไว้จดคำศัพท์กัน



        เสร็จแล้วเราก็จะได้ File ที่เหมือนกับ Excelมา 1 Fileให้เราทำเป็น 3 Column คือ Word Example และ Translation (อย่าลืมเปลี่ยนชื่อ file นะคะ เป็นชื่ออะไรก็ได้)



ถ้ามองไปด้านล่างจะเห็น Tab ที่เรียกว่า Sheet 1 อยู่ ให้เราคลิกแล้วเลือก Duplicate เพื่อก๊อบหน้านี้ให้มีอีก 6 หน้าใน File เดียว เราจะเอา Tab พวกนี้ใช้ในการแยกจดศัพท์ตาม Alphabet



        เมื่อได้เป็น 6 Tab แล้วให้ DoubleClick เพื่อเปลี่ยนชื่อ Tab ตามรูปค่ะ





        สังเกตุได้ว่า Tab สุดท้ายชื่อว่า InterestingSentences เอาไว้จดประโยคที่น่าสนใจ ให้เปลี่ยนแปลงรูปแบบ excelเปลี่ยนจาก Column เป็น Sentence กับ Translation



เพียงแค่นี้เราก็ได้สมุดจดที่เราใช้จด หรือเปิดดูที่ไหนก็ได้แล้วค่ะ (สำหรับการ saveให้กด ctrl + s )


       เมื่อมีสมุดจดศัพท์แล้วควรตั้งกฏสำหรับการใช้งานด้วย
      
      
1. จด “ทุกครั้ง” ที่เจอศัพท์แปลกๆและน่าสนใจ …
      
      
2. หาตัวอย่างของการใช้งานมาด้วย …ช่อง Example สำคัญมากบางคนไม่ให้ความสนใจ คิดว่าจำศัพท์อย่างเดียวพอแต่ความจริงคือสมองคนเราจะจำได้แม่นถ้าเราจำผ่านความเข้าใจค่ะตัวอย่างของการใช้งานจะทำให้เราเข้าใจรูปแบบการใช้ สมมติไปเจอคำว่า Screw แต่จดแค่คำแปลซึ่งแปลว่าสลักเกลียว (หรือสกรูถ้าเรียกทับศัพท์) แต่จริงๆแล้ว screw เป็นคำด่าก็ได้เช่นกัน ถ้าเรามาเปิดอีกทีโดยไม่มีตัวอย่างเราอาจจะจำคำแปลได้แบบเดียว ส่วนอีกแบบหนึ่งลืมไปแล้วว่ามีความหมายหรือใช้งานยังไง
      
      
3. เวลาไปเจอคำศัพท์เดิมที่ผ่านตามาแต่จำไม่ได้ให้เปิดดูทุกครั้ง “ทันที”
      
หลายครั้งที่เราเจอคำศัพท์แล้วรู้ว่าเคยเจอแต่จำคำแปลไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องปกติแต่อย่าปล่อยให้ตัวเองลืมคำแปลแบบนั้นต่อไป ให้เปิดดู docs ที่เราสร้างขึ้นมาทันทีพร้อมทบทวนตัวอย่างจะทำให้เราจดจำได้ดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
      
**ทุกข้อที่ว่ามา มีข้อแม้นิดเดียวว่าต้องทำ “ทันที” เพื่อทำให้เราจำได้ดีขึ้น**
      



ที่มา

http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9580000060262

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

Archiver|WAP|KhonThai America

GMT+7, 2024-5-6 00:52 , Processed in 0.054849 second(s), 25 queries .

Powered by Discuz! X2.5  Language by l3eil3oy

© 2001-2012 Comsenz Inc. style by eisdl

ขึ้นไปด้านบน