KhonThai America : คนไทยในอเมริกา

 ลืมรหัสผ่าน
 ลงทะเบียน
ค้นหา
แท็กยอดนิยม: ภาษาไทย แจก discuz
ดู: 11623|ตอบกลับ: 1
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

มหานครนิวยอร์ก เมืองที่หลายคนไฝ่ฝันจะมาเรียน

[คัดลอกลิงก์]

109

กระทู้

25

ติดตาม

3112

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

Rank: 8Rank: 8

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ice999 เมื่อ 2016-1-7 22:26

                          

New-York-Time-Square.jpg


         มีหลายๆคนที่เคยได้คุยด้วย บอกว่า สถานที่ๆอยากมาเรียนภาษาอังกฤษในอเมริกาลำดับต้นๆคือ นิวยอร์ค ...
นิวยอร์คมีอะไรที่ดึงดูผู้คนมากหน้าหลายตาให้อยากไปสัมผัสอยากไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั้นกัน อาจจะเป็นเพราะหนัง Hollywood ดังๆหลายๆเรื่องใช้ นิวยอร์กเป็นสถานที่ถ่ายทำ หรือจะเป็นสัญลักษณ์ของอเมริกา สาวร่างยักษ์ตัวเขียว (เทพีเสรีภาพ) ที่ใครๆมักจะนึกถึงเธอเมื่อคิดถึงอเมริกา




                          วันนี้เลยขอมาพูดถึง นิวยอร์ก เมืองแห่งแฟชั่นและและแสงสีของความบันเทิง สัญลักษณ์ของอเมริกากันซักหน่อย



                          "นิวยอร์กซิตี้" คงปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้านึกถึงอเมริกา หลายๆคนนึกถึงนิวยอร์คเป็นอันดับแรก เหมือนกับที่ เวลาพูดถึงประเทศไทย หลายคนจะนึกถึงกรุงเทพฯ และ ศูนย์กลางของมหานครนิวยอร์กคือ แมนแฮตตัน ซึ่งเป็นศูนย์กลางความเจริญของทั้งเมือง






        นิวยอร์กซิตี้ เป็นเมืองใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาเป็นมหานครเอกของโลก จัดได้ว่าเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเงิน วัฒนธรรม บันเทิง ที่สำคัญที่สุดของโลก เป็นเมืองที่มี ตึกระฟ้า ตึกสูงมากที่สุดในโลก รถไฟใต้ดินนิวยอร์ก จัดว่าเป็นระบบขนส่งความเร็วสูง (Rapid Transit) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง และมีผู้ใช้บริการต่อปีมากสุดเป็นอันดับที่ 3 ของโลก(โดยเฉพาะในแมนแฮตตัน กว่า 75% ของผู้พักอาศัยไม่มีรถยนต์ส่วนตัว หรือคิดเป็น 8% ของคนทั้งสหรัฐอเมริกา) ด้วยการจราจรและผู้คนที่พลุกพล่านอยู่ตลอดเวลา จึงมีคำเปรียบเปรยถึงนิวยอร์กว่าเป็น “เมืองที่ไม่เคยหลับใหล”  






                 ที่นี่เป็นสวรรค์ของบรรดาศิลปินทั้งหลาย เพราะคุณจะสามารถแสดงพรสวรรค์ต่างๆของคุณได้ในหลายๆที่ ไม่ว่าจะเป็นตามข้างถนน สวนสาธารณะ ในสับเวย์ หรือแม้แต่ในรถไฟใต้ดิน


บรรยากาศหิมะตกใน NYC

                  ที่เที่ยวต่างๆที่หลายคนต้องการไปซักครั้ง นอกจากจะเป็นเทพีเสรีภาพ ยังมีที่ต่างๆอีกมากมายเช่น เที่ยวบอร์ดเวย์ แวะชมวิวที่ตึก Empire State (ตึกที่ใช้เป็นฉากในเรื่องคิงคอง) และ Times Square ช๊อปปิ้งแถว  SoHo กับ 5th Ave.เหนื่อยจากการเดินช๊อปปิ้ง ก็ไปเดินเล่นที่  Central Park สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีเนื้อที่ขนาด 3.4 ตร.กม. กันเลยทีเดียว ในนั้นจะมีบริการรถม้า รถ 3 ล้อ รถจักรยานให้เช่าด้วย เพราะถ้าขืนกะเดินให้ทั่ว น่องโป่งแน่ๆ


ความอลังการณ์ของ  Central Park คู่กับตึกระฟ้า

นอกจากแสงสีความศิวิไลซ์แล้ว ถ้าหากได้ไปเดินถนนในนิวยอร์กก็จะเห็นอะไรบ้านๆ แบบบ้านเราด้วย นั้นคือ รถเข็นขายอาหารตามจุดที่มีคนเยอะๆ บางเจ้าย่างอาหารซะควันโขม่งอีกต่างหาก เห็นแล้วนึกถึง กทม.ขึ้นมาเลยทีเดียว ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นร้านของชาวแม็กซิกัน กับชาวจีน น่าเสียดายไม่มีรถขายลูกชิ้นปิ้งแบบเมืองไทย (ไม่เข้าใจอยู่อย่างนึง ว่าทำไมฮอตด๊อกที่อเมริกาเค็มมากกกกกกก )




             ถ้าใครชอบบรรยากาศแสงสีความสนุกสนาน รักแฟชั่นและเสียงดนตรี ชื่นชอบศิลปะ ชอบการช๊อปปิ้ง ชอบการปาตี้ รักชีวิตคนเมืองแบบกรุงเทพฯ ชอบบรรยากาศของเมืองที่ไม่เคยหลับ  ผู้คนคึกคัก คงจะเหมาะกับเมืองนิวยอร์คแห่งนี้ ฟันธงเลย (อิอิ)


เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ NYC จากชาว Pantip

- ถ้าเราถามทางหรือถามคำถาม เขาอาจจะขอเงินเราหนึ่งดอลล่่าร์ครับ ไม่ต้องให้ครับ พวกนิสัยไม่ดี  ผมจะตอบไปว่า Just Thank you is enough พร้อมรอยยิ้ม ( บอกเป็นข้อมูลไว้ เผื่อเจอครั้งแรกแล้วตกใจ เผลอควักให้เขาไป เดี๋ยวเขาจะติดนิสัยครับ )

- ห้ามหลับบนรถไฟฟ้าเป็นอันขาดนะครับ จะเจอมิจฉาชีพโดยไม่รู้ตัว และห้ามรอรถไฟในสถานีเปลี่ยวๆนะครับ เกิดอะไรขึ้นบอกได้คำเดียวว่าไม่คุ้มเลย

- อย่าคิดว่า New York อันตราย เพราะบ้านคุณแสนจะปลอดภัย ไม่ว่าจะที่ใดก็มีทั้งความปลอดภัยและอันตรายด้วยกันทั้งนั้น หากเป็นละแวกบ้านท่านท่านก็จะรู้ว่าที่ไหนสุ่มเสี่ยงไม่ควรเข้าใกล้ New York ก็เป็นเช่นเดียวกันมีทั้งอันตรายและปลอดภัย ที่สำคัญคืออย่าเปิดโอกาสให้อาชญากร และมีสติอยู่เสมอ อย่าเอาตัวเองเข้าไปในอยู่ในจุดเสี่ยง ที่ลับตาคน มุมมืด เปลี่ยว ย้ำนะครับ อย่าเปิดโอกาสให้เขา

- การขึ้นบันไดเลื่อนให้ยืนชิดขวา ช่องทางซ้ายไว้สำหรับคนเดิน ถ้ายืนชิดซ้ายถึงกับโดนด่าได้ครับ

- ร่ม หาอันเบาๆพกติดกระเป๋าไว้ก็ดีครับ จะได้ไม่ต้องเสียครั้งละ 5 ดอลล่าร์ แต่หากใครใช้ iPhone ก็ดูพยากรณ์อากาศรอบสัปดาห์ก่อนก็ได้ครับ ค่อนข้างไว้ใจได้ทีเดียว

- หากนัดหมายต้องไปตรงเวลาครับ หากคุณสายแม้เพียงห้าหรือสิบนาที คู่นัดของคุณอาจหาเรื่องโวยวายได้ แต่โดยรวมก็ไม่ใช่ความผิดร้ายแรงครับ
เครื่องใช้ไฟฟ้าที่อเมริกาใช้ไฟ 110 Volt นะครับ ถ้านำอุปกรณ์ไฟฟ้ามาจากเมืองไทยให้ตรวจสอบก่อนนะครับ

- ชาว New York เค้าไม่ค่อยรับโทรศัพท์กันสักเท่าไหร่หรอกนะครับ หากจะโทรหาใครให้ทำใจไว้ก่อนเลย หากให้ฝากข้อความเราก็สันนิษฐานได้ว่าเขาอยู่ในรถไฟใต้ดินนะครับ ( ในรถไฟใต้ดินไม่มีสัญญาณ )

- หนังสือพิมพ์ที่นี่แจกฟรีนะครับ เขาหารายได้จากการโฆษณาแทน มีตู้แจกแทบทุกหัวมุมถนน

- แม้แต่ขึ้นรถเมล์ก็ต้องต่อคิวนะครับ คิวจะต่อมาจากป้ายรถเมล์ ก่อนจอดรถเมล์จะก้มต่ำลงให้เราขึ้นง่ายๆครับ ( เมืองไทยอาม่าวัดดวงเอาเองครับ ยังขึ้นไม่เสร็จเลย รถเลื่อนแระ )

- ราคาสินค้าแต่ละร้านไม่เท่ากัน แต่ละร้านสามารถตั้งราคาขายได้ตามใจชอบ โค๊กกระป๋องอาจจะมีราคาตั้งแต่ 69 เซ็นต์ ( ไชน่าทาวน์ ) ไปจนถึง 1.5 ดอลล่าร์ อาจจะดูไม่มาก แต่หากเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์มากกว่า 120% เลยทีเดียว

- ผลไม้กับผักขายตามความสดครับ ยิ่งสดยิ่งแพง

- มาตราชั่งที่ใช้เป็นปอนด์ lb ( พาว )  สองพาวเป็นหนึ่งกิโลกรัมโดยประมาณ

- ร้านอาหารจีน กินกันตาย 5 เหรียญ กินได้สองมื้อ สำหรับอาหารแนวกรรมกร ไม่เน้นคุณภาพแต่เน้นปริมาณ วันไหนผมไม่ทำกับข้าว ก็ไปสั่งร้านอาหารห้าเหรียญนี่แหละครับ ประมาณว่าเป็นเมนูสิ้นคิด ช่วงเย็นๆ ก่อนปิดร้าน มีการลดราคาเหลือสี่เหรียญกว่าๆ แต่จืดชืดกว่าอาหารไทย

- มาม่า ไม่ต้องหอบมาเยอะครับ สมัยนี้ครบทุกยี่ห้อ แทบทุกรส แต่ถ้าอยากประหยัดให้หาบ้านที่มีครัวครับ ทำอาหารทานเองจะประหยัดได้มากๆ ( คนไทยบางส่วนทำงานในร้านอาหารก็ไม่ต้องกังวลมาก เพราะร้านที่เราทำงานเขาให้เราทานได้หนึ่งมื้อเป็นอย่างน้อย ) ส่วนผมไม่ได้ทำงาน แต่โชคดีที่ได้บ้านที่มีคนไทยอาศัยอยู่ เขาจึงมีเครื่องครัว และเครื่องปรุงให้พร้อม ถือเป็นโชคดีครับ เพราะไม่งั้นต้องเสียค่าใช้จ่ายและเวลาในการตามหาเครื่องปรุงที่ต้องการนานพอสมควรครับ

- อาหารข้างทางมักจะเป็นเม็กซิกัน แต่ขอแนะนำว่าเลี่ยงได้ให้เลี่ยง เพราะน้ำมันเยอะมาก แถมฝุ่นควันรถ

- มีร้านพิซซ่าเยอะใน Manhattan เพราะพิซซ่าที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นอันดับสองของโลก ราคามาตรฐานประมาณห้าดอลล่าร์ขนาดประมาณ iPad

- การเข้าออกตึกใหญ่ๆ ต้องมีการแลกบัตร จดชื่อ รายละเอียดไว้ก่อน ขึ้นตึกระฟ้าแต่ลิฟท์ไวมากครับ

- ค่าถ่ายเอกสาร ค่าส่งแฟกส์ หาร้านยากและแพงแบบขูดรีดทีเดียวครับ ถ่ายพาสปอร์ต วีซ่า ใบขับขี่สากลมาจากเมืองไทยให้เสร็จดีกว่าครับ กระดาษสี่ห้าใบไม่หนักขึ้นเท่าไหร่ครับ

- พกใบขับขี่ หรือใบขับขี่สากลแทนพาสปอร์ตครับ เพื่อความปลอดภัย ส่วนพาสปอร์ตเก็บไว้บ้านครับ ( จริงๆแล้วก็ไม่ค่อยได้ใช้ นอกจากเข้าสถานบันเทิง )

- ห้ามเปิดประตูหนีไฟโดยเด็ดขาด มาตรการขึ้นลงชั้นเดียวใช้บันไดไม่เหมาะกับอเมริกา เพราะสัญญาณเตือนไฟจะดังขึ้นทันที

- ห้องน้ำ หายากมาก ไม่ใช่นึกอยากจะเข้าห้องน้ำร้านไหนก็ขอเข้าได้ หรือแวะปั๊มฟรีแบบบ้านเรา หากทำธุรกรรมที่ตึกใด ควรทำกิจให้เสร็จก่อนออกจากอาคารนั้นจะง่ายกว่า

- ห้องน้ำที่อเมริกาไม่มีสายฉีดล้างก้น ( อันนี้ไม่มีใครเคยเตือนข้าพเจ้ามาก่อนเลย ) เขาใช้กระดาษทิชชู่ แถมเป็นทิชชู่แบบแห้ง ไม่ใช่แบบเปียกน้ำแล้วละลายแบบบ้านเรา แถมที่นั่นอากาศหนาว ( อุจจาระจะแข็งและแห้งกว่าปกติมากๆ เช็ดยังไงก็ไม่สะอาด มันไม่เหมือนล้าง เราคนไทยชินกับการล้างก้น ) แต่มีวิธีแก้ ซื้อทิชชู่เปียก Wipe ที่เขาใช้เช็ดก้นเด็กแก้ขัดไปก่อน

- เสื้อผ้าที่ใส่แล้วเขามีร้านซักรีดหยอดเหรียญ และมีเครื่องอบ เราจะไม่ได้เห็นการตากผ้าอีกต่อไป ที่นี่คือสวรรค์ของการซักผ้าโดยแท้จริง ผมเตรียมเสื้อผ้าที่ไม่ต้องรีดไปอบเสร็จก็ใส่ได้เลย

- พระจันทร์ที่นั่นไม่เหมือนที่บ้านเรา เอียงเป็นรูปแบบโลโก้ Dream Works เลยทีเดียว

- ฤดูร้อนพระอาทิตย์อาจตกตอนสามทุ่ม ( ถูกแล้วครับสามทุ่ม )

- ฤดูหนาวอุณหภูมิอาจลดลงได้ถึง -15 องศาเซลเซียส ( แต่หน่วยวัดที่อเมริกาจะใช้องศาฟาเรนไฮต์ ต้องคำนวนนิดหน่อยครับ ) เราต้องระวังเรื่องไฟไหม้ในช่วงฤดูหนาวให้ดี ไม่ได้พูดเล่นนะครับ เคยมีไฟไหม้ในตอนล่างของเกาะแมนฮัตตันกว่าสองร้อยหลังคาเรือน เหตุเพราะน้ำในหัวดับเพลิงกลายเป็นน้ำแข็งจึงไม่สามารถใช้การได้ ( ปัจจุบันคงมีรถดับเพลิงเพียงพอ )

- หากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ก็จะมีรถดับเพลิง และรถพยาบาลไปสมทบกันที่เกิดเหตุครับ เขาเตรียมความพร้อมไว้เสมอ แม้จะเป็นเพียงแค่การชนท้ายก็ตาม

- สุดท้าย การส่งของกลับไทย มีบริการส่งหลักๆอยู่สองเจ้า ราคาไม่ถูกนะครับ ดังนั้นการไปใช้ชีวิตอยู่ที่นู่น การจะซื้อสินค้าแต่ละชิ้นให้เราคำนึงถึงระยะเวลาในการใช้งานและความจำเป็นด้วยครับ หลายอย่างที่อยากส่งกลับมาแต่ค่าส่งกลับแพงกว่าซื้อใหม่ที่ไทยก็เยอะครับ สรุปคือทิ้งแทบทั้งหมดเลย

- ห้างสรรพสินค้า การซื้อของที่อเมริกาเหมือนเป็นการรับประกันไปในตัวครับ คือสามารถคืนได้ภายใน 30 - 90 วัน ( ผิดกับบ้านเรา ขายแพงกว่า แถมห้ามเปลี่ยนคืน ) ซื้อผิดไซส์ ผิดสี นำไปเปลี่ยน หรือแลกเงินคืนได้จริงๆครับ ตอนแรกผมก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน

- ทุกอย่างที่เห็นยังไม่รวมภาษี 8.76 % ซึ่งไม่สามารถ Tax Refund ได้แบบยุโรป ดังนั้นหากจะชอปปิ้งเตรียมเครื่องคิดเลขไว้ด้วยก็จะช่วยได้มากครับ ( แต่ถ้าเราซื้อของในซุปเปอร์มาเก็ตใกล้บ้านพวกร้านจีนเขาก็จะไม่บวกภาษีครับ )

- Macy's เปรียบได้กับ Central หรือ The Mall แต่ไม่ได้มีสินค้าหลากหลายแบบเมืองไทย มีแต่สินค้าแฟชั่นและเครื่องนอนครับ ห้างนี้ที่สาขาถนน 34 จะมีบันไดเลื่อนที่ิก่าแก่ที่สุดในโลกอยู่ด้วย แต่ค่อนข้างเก่าและน่าหวาดเสียวเล็กน้อย หากนำเด็กเล็กไปด้วยขอให้ใช้ความระมัดระวังให้มากขึ้น ในวันขอบคุณพระเจ้าก็จะมีพาเหรดของห้าง จัดงานกันอลังการทีเดียว

- Toys R Us ถ้าได้มีโอกาสไป Time Square แนะนำให้ไปที่ร้านนี้ คุณจะลืมอายุของตัวเองไปชั่วขณะหนึ่ง ส่วนสาขาอื่นไม่แนะนำให้เข้า เพราะอาจสร้างความผิดหวังให้ ( อีกสาขาอยู่ที่ Flushing ใหญ่โตอลังการมากแต่ต้องลง Subway ที่ Flushing แล้วต่อรถเมล์ไป ) ซื้อของร้านนี้แล้วเก็บบิลไว้คืนเงินได้ใน 90 วัน

- Babies R Us เจ้าของเดียวกับ Toys R Us เรียกได้ว่ามีทุกอย่างเกี่ยวกับเบบี๋ มีทุกอย่างจริงๆ แต่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย เพราะว่าเลือกไม่ได้ เยอะจนงง แนะนำให้ทำการบ้านให้ดีก่อนเข้าไปครับ นโยบายเดียวกับ Toys R Us คืนเงินหรือเปลี่ยนของได้ภายใน 90 วัน

- Best Buy แหล่งรวมเครื่องใช้ไฟฟ้า พนักงานตอบคำถามได้ดีครับ หากท่านอยากใช้ WiFi ฟรีที่ร้าน ให้พิมพ์ Bestbuy ในช่องค้นหาแหล่ง WiFi ในมือถือของท่านนะครับ รับรองว่ามีแต่เขาซ่อนเอาไว้ เปิด WiFi เฉยๆจะหาไม่เจอต้องพิมพ์ครับ

- B&H เป็นอาณาจักร ( ยิว ) เครื่องใช้ไฟฟ้าแบบเฉพาะเจาะจงครับ เช่นกล้องถ่ายรูป เครื่องขยายเสียง อุปกรณ์เกี่ยวกับการถ่ายภาพยนต์ ฯลฯ พนักงานที่นี่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่ตนเองขาย ต่างกับที่เราเคยเจอ นอกจากเราจะถามปัญหาที่เฉพาะเจาะจงหรือปัญหาทางเทคนิค เขาจะไปหาคำตอบหรือปรินท์เอกสารมาให้ ( แต่ผมแนะนำว่าอย่าไปเชื่อเขามาก เช่นผมเคยไปซื้อกล้องถ่ายรูป ราคาก็ไม่ได้แพงกว่าร้านอื่น แต่เขาจะแกมบังคับให้คุณซื้อเมมโมรี่การ์ดแบบแพงที่เขาสามารถฟันกำไรจากเรา ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ทำการบ้านก่อนชอปปิ้งจะดีที่สุดครับ )

- Barns & Noble ร้านหนังสือชั้นนำ เหลืออีกไม่กี่สาขาสุดท้ายแล้ว เพราะโดน Kindle แย่งส่วนแบ่งการตลาดไปเยอะ

- Wall mart ต้องขับรถไปไกล คงไม่มีใครถ่อขับไป เพราะตามกฎหมายห้างขนาดนี้ห้ามอยู่ในตัวเมืองครับ ไม่งั้นเมืองก็จะกระจุกตัวและมีปัญหารถติดแบบบ้านเราตามมา นี่เป็นสาเหตุนึงที่การซื้อขายแบบออนไลน์เติบโตมากในอเมริกา

- Fifth Avenue เป็นถนนชอปปิ้งทั้งเส้น ช่วงใกล้ Central Park มีสินค้าแบรนด์เนมชั้นนำ อาทิ LV Bvlgari Cartier ฯลฯ นัดมารวมตัวดูดเงินนักท่องเที่ยวด้วยกันที่นี่ ร้านค้าที่ไม่ใช่แบรนด์ชั้นนำไม่น่าเข้านะครับ สินค้าโก่งราคามากๆ แถมพ่อค้าลูกเล่นเยอะ ต้องการซื้ออะไรไปร้านเฉพาะทางที่บอกไว้ดีกว่าครับ ซื้อผิดไปแลกเงินกลับได้ครับ

- ห้างอื่นๆที่ถนน Fifth Avenue ก็มีเยอะนะครับ แต่ไม่ใหญ่และครบวงจรแบบบ้านเรา เป็นยี่ห้อที่ผมไม่รู้จักครับ ต้องขออภัยที่ไม่สามารถให้ข้อมูลได้

- ภัตตาคาร ไม่หิวจริงๆอย่าสั่งมาเยอะนะครับ ขนาดอาหารแต่ละจานอลังการมาก ( อยู่ไปนานๆจะไม่แปลกใจ แต่ตอนไปใหม่ๆตกใจมาก จะกินหมดได้ไง ถ้าไปทานข้าวในภัตตาคาร จะต้องห่อกลับมาบ้านทุกที ) อย่าลืมทิป 10% เป็นอย่างต่ำ งานบริการที่นี่ต้องทิปหมด ถ้าไม่ให้หรือลืมให้เขาจะทวง เคยไปตัดผมครั้งนึง เดินออกจากร้านมาแล้วช่างยังเดินตามมาทวงค่าทิป ( ก็เลยงงว่าตัดผมต้องทิปด้วยหรอ )
โดยรวมคิดว่าอย่าสุ่มเสี่ยงลองชิมดีกว่าครับ รสชาติไม่ถูกปากเอามากๆ แต่ถ้าใครมาถึงแล้วอยากลองก็คงห้ามกันไม่ได้ครับ

- ธนบัตร เป็นสีเขียวเหมือนกันหมด เวลาจ่ายเงิน ให้ตรวจตราดูให้ดี แต่ถ้ามาหลายเดือนก็จะกลายเป็นบัตรเดบิทโดยธรรมชาติ เพราะทุกร้านรูดได้หมด ไม่เว้นร้านของชำ

จากคุณ        : SAINT_OF_FIRE




              และหากใครต้องการเรียนภาษา แบบได้ซึมซับความเป็นนิวยอร์กให้เต็มที่ ก็ควรจะเลือก รร. สอนภาษาที่อยู่ในแมนฮัตตันนะคะ รับรองทุกๆวันของคุณจะไม่เหงาแน่นอน

            
เขียนโดย Linz @ KhonThaiAmerica.com


รับให้คำปรึกษาและช่วยดำเนินการเรื่องการทำวีซ่านักเรียน (อเมริกา)

71

กระทู้

16

ติดตาม

2710

เครดิต

ผู้ดูแลระบบ

Rank: 9Rank: 9Rank: 9

ใครสนใครจะมาเรียนภาษาที่ Manhattan ติดต่อสอบถามได้นะครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

Archiver|WAP|KhonThai America

GMT+7, 2024-5-5 11:55 , Processed in 0.040464 second(s), 24 queries .

Powered by Discuz! X2.5  Language by l3eil3oy

© 2001-2012 Comsenz Inc. style by eisdl

ขึ้นไปด้านบน