KhonThai America : คนไทยในอเมริกา

 ลืมรหัสผ่าน
 ลงทะเบียน
ค้นหา
แท็กยอดนิยม: ภาษาไทย แจก discuz
123
กลับไป ตั้งกระทู้ใหม่
เจ้าของ: Livekernelevent
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ประสบการณ์ทำธุรกิจคนไทยในอเมริการุ่นบุกเบิก

[คัดลอกลิงก์]

71

กระทู้

16

ติดตาม

2710

เครดิต

ผู้ดูแลระบบ

Rank: 9Rank: 9Rank: 9

    นี่คือ..ความเลื่อมใส..ที่ประจักษ์ด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกในขั้นตอนการทำงานของรัฐที่มีบริการให้ต่อประชาชนผู้เสียภาษีที่มีทั้งศักดิ์และสิทธิ์  ในประเทศอเมริกา ดินแดนแห่งเสรีภาพและสิทธิแห่งการทัดเทียม

    และแล้ว..เจ้าของกิจการสาวน้อยทั้งห้า...ฉัน  เป้า  นิด  ตุ่ม  และศรี แม่หัวเรือใหญ่ ก็เดินตัวปลิวออกจากซิตี้  ฮอลล์  พร้อมทั้งใบอนุญาตต่างๆพร้อมมูลในมือ พร้อมที่จะดำเนินกิจการ
    รอแต่..การนัดหมายตรวจสอบสถานที่ดำเนินการจากเจ้าหน้าที่อนามัยให้เสร็จสิ้นเท่านั้น !!
    ทุกคนมุ่งหน้าไปที่ร้านแซนวิซที่กำลังจะกลายมาเป็นร้านอาหารไทย..ในไม่ช้าด้วยน้ำมือของพวกเรา
    กันเองนี่แหละ  
    คิดๆดูแล้วก็ครึ้มใจไม่หยอก  ระหว่างที่นั่งอยู่ในรถ(เก่าๆ คันเดียวที่มี) แต่ละคนก็เซ็งแซ่  
    "ฉันว่า   พวกเราต้องทาสีใหม่  ตกแต่งใหม่ทั้งหมด  เอาให้ดูเป็นร้านไทย ไทย“
    "แล้วแกจะทำยังไง  จะห้อยปลาตะเพียนหน้าประตูหรือไงยะ?  เสียงขัดคอก็ลอยมาเป็นจังหวะ
    “ใครจะเขียนป้ายชื่อร้านล่ะ...จะต้องไปจ้างเขารึป่าวเนี่ย  แพงตายโหง..!!
    ศรี  นั่งเงียบมาตลอดทาง..สีหน้าครุ่นคิด  ในที่สุดพอก็เอ่ยปากว่า..
    เรื่องอื่นๆยังไม่ต้องคิด...เอาเรื่องชั่วโมงทำงานก่อน  ชั้นคนเดียวที่ไม่ได้เรียนหนังสือ  ก็มีเวลาเตรียมของตอนกลางวัน..ร้านเปิดเฉพาะตอนเย็นสี่โมง...พวกแกกลับจากเรียนก็สามโมงกว่าๆไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเข้ามาทำงานเลย  จัดเวรกัน  ทำข้างนอกสองคน  มาช่วยชั้นในครัวสองคน เราจะไม่จ้างใครเลย..เพราะ ทุกอย่างต้องประหยัด  จะได้มีตังค์เหลือมาแบ่งกันตอนสิ้นเดือน
    พวกเราเห็นดีด้วย...ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ

    ทันทีที่ถึงร้าน...ศรีไขกุญแจเข้าไป  กลิ่นสาบอับๆโชยมาจนเราต้องอุดจมูก
    มันเป็นกลิ่นน้ำมันทอดมันฝรั่งหืนๆ  ที่สะสมจับอยู่มานาน  ข้าวของระเกะระกะ  
    พื้นครัวเหนียวหนืดจนติดหนึบหนับกับพื้นรองเท้ายางของฉันในยามที่ย่างก้าวเข้าไป
    ฝุ่นเกาะหนาตามฝ้าเพดาน และขอบประตูหน้าต่าง  ในห้องน้ำเดียวเล็กๆที่มีก็มีรอยด่างจากน้ำรั่วหยดซึมกระจายเป็นวงซ้อนๆกันตามซอกฝา
    ความจริงเริ่มปรากฏต่อสายตาว่า..
    นี่...มิใช่เรื่องสนุกสนานอย่างที่คิดซะแล้ว...แต่มันเป็นงานช้าง.อย่างชนิดที่เราไม่เคยนึกเคยฝัน!!!
    และเริ่มจะรู้สึกตัว..ว่า..มัวหลงไหลได้ปลื้มกับความใจดีของมิสซิสปาร์ค ที่ให้โอกาสเราเป็นเจ้าของกิจการแม้ว่าจะเล็กๆก็เถอะ...
    แต่แท้ที่จริงแล้ว  แกคงจะหาใครมาเช่าต่อไม่ได้แน่ๆในสภาพเช่นนี้..เพราะตามกฏหมาย(ที่มารู้ทีหลัง)ว่า
    เจ้าของจะต้องซ่อมและเปลี่ยนสิ่งชำรุดหักพังทุกอย่างให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้เสียก่อน
    จึงจะให้คนมาเช่าได้..แต่พวกเรารีบตาลีตาเหลือกเซ็นสัญญาเช่า..ที่มีข้อความเล็กๆติ่งอยู่ข้างล่างว่า
    เจ้าของไม่เพิ่มค่าเช่าจากที่เคยได้รับเพราะผู้เช่าอย่างเราพอใจที่จะตกลง  เช่าอย่าง AS IS  หมายถึง  เช่าตามสภาพที่เห็น  ที่เป็น  ถ้าของเสียก็ซ่อมเอง  เจ้าของไม่เกี่ยวข้องใดๆ

    ค่าซ่อมแซมนั้น  ในอเมริกานี่ก็มหาโหด  ช่างทุกชนิด..ไม่ว่า ช่างซ่อมท่อประปา  ช่างไฟฟ้า  ช่างทาสี  ล้วนแล้วแต่กินรายได้เป็นชั่วโมงด้วยกันทั้งนั้น  ขั้นต่ำๆขี้หมูขี้หมาก็ตกร่วมชั่วโมงละเจ็ดแปดเหรียญในยามนั้น  
    พวกเราถึงกับเข่าอ่อนทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดอาลัยตายหยาก   เพราะมองไม่เห็นทาง ว่าจะหาทุนที่ไหนมาซ่อมแซมตกแต่ง  ให้อยู่ในสภาพที่จะเปิดร้านได้  
    รู้ๆกันอยู่ว่า  ทุนรอนทั้งสิ้นนั้นเหลือไม่เท่าไหร่เอง   
    เสียงในร้านเงียบสงัด  แทบจะได้ยินเสียงลมหายใจของพวกเราทุกคน    ทุกคนมีสีหน้าที่ท้อแท้  หมดหวัง

    ไอ้ศรี...ดีดมือเปาะ  ตาเป็นประกายลุกวาว   สีหน้ามีร่องรอยแห่งความหวังเต็มเปี่ยม
    มันละล่ำละลัก  บอกพวกเราว่า..
    "เฮ้ย...คิดได้แล้วว่ะ  ชั้นว่า  เราไปหาไอ้กลุ่มเหลือขอกันดีกว่า...พวกนี้มันทำได้สารพัดช่าง
    โดยเฉพาะไอ้อุ๋ย ไอ้นิด  พวกนี้มันเป็นพวกช่างกลงัยยย !!! "
    "แล้วพวกมันจะช่วยเราเหรอ...ก็เจอกันทีไรก็ด่ามันทุกที  ไอ้พวกทุเรศ "  
    ฉันเองที่พูดประโยคนี้เพราะ
    เป็นที่รู้ๆกันว่า  พวกชายหนุ่มกลุ่มนี้เป็นชนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่ใช่นักเรียน  เป็นพวกใช้แรงงาน  และชอบมั่วสุมกับพวกแหม่มฮิปปี้ชั้นสวะ   เคยมาทำท่าก้อร้อก้อติกกับพวกเรา  แต่ก็ถูกปรายตาเหยียดหยามเสียจนต้องถอยร่นออกไปไม่เป็นขบวน  
    เพื่อนๆทุกคนก็ขานรับ   เออ..จริงๆ ขืนบากหน้าไปหาพวกมันละก้อ  โดนมันโห่กลับมาแน่  ชั้นไม่เอาด้วยหรอก !!!   
    แต่ไอ้ศรีไม่ยอมแพ้   มันว่า  ใครไม่ไปไม่เป็นไร  ชั้นจะไปเอง  ไม่ได้ขอให้มาทำฟรีๆนี่หว่า
    เราก็ยอมจ่าย  เพียงแต่เราจะขอให้มันคิดเราราคาคนไทย  ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน !!

    พวกเราทุกคนมอง  เพื่อนศรี  อย่างทึ่งในสมองอันชาญฉลาดและความคิดอันแยบยลของมัน  
    ว๊าว...มันคิดได้ยังไงเนี่ย...!!

    สรุปว่า...ธุระการเจรจาในเรื่องนี้กับ“กลุ่มเหลือขอ"  ตกอยู่ในความรับผิดชอบของ  ศรี  แต่ผู้เดียว
    วันรุ่งขึ้น..วันดีเดย์  แต่เช้า  ศรีสั่งงานให้พวกเราจัดการกวาดร้าน  เก็บขยะ  ออกไปให้พ้นๆทาง ส่วนตัวมันจะไปเรื่องการเจรจาต้าอ้วย กับพวกชายหนุ่มสารพัดช่างที่ว่า  แต่เพียงลำพังคนเดียวโดยไม่ต้องการให้ใครคนใดคนหนึ่งในกลุ่มไปเป็นเพื่อน  เพราะมันว่า...
    พวกแกปากเสีย...เดี๋ยวแทนที่จะได้เรื่อง  กลับจะไปทะเลาะกับพวกมันอีก !!

    ตกสายๆหน่อยขณะที่พวกเรากำลังขมักเขม้น  เก็บกวาด ถูพื้น  กันอยู่นั้น  เสียงจอดรถและเสียงปิดประตูโครมครามก็ดังอย่างสนั่นหวั่นไหว..มาจากทางที่จอดรถหน้าร้าน
    ภาพที่เห็น...ไอ้ศรี..เดินนำหน้ากลุ่มชายไทยทั้งห้า..เข้ามาในร้าน...ไม่ต้องแนะนำ เพราะรู้จักกันหมดแล้ว...เพียงแต่ไม่ชอบขี้หน้ามันก็เท่านั้น..มาครบองค์เลยเชียว..
    เขียด  หนุ่มจากท้องนาอิสาน  
    เต๋า..จิ๊กโก๋เก่าหลังวัง  
    นิด..ไอ้กะล่อน  
    อุ๋ย..ไอ้ขี้โม้
    ชัย..ไอ้สิงห์สำอาง....มาถึงก็เอาเชียว..
    "หา..เนี่ยเหรอ..ที่พวกเจ๊จะเปิดเป็นร้านอาหารไทยน่ะ...เล็กกะติ๋วเดียว   เมื่อไหร่จะคืนทุนล่ะเจ๊ ???
    "ใครเป็นเจ๊แก....นายอุ๋ย !!"   ไอ้เป้า สาวร่างใหญ่  ตวาดแว๊ด
    "โอ๊ะ..  โอ๋  ใจเย็นๆ  ผมกลัวแล้วคร๊าบบบ  คุณเป้า..ที่เรียกเจ๊ เนี่ย  เพราะผมนับถือหรอกนะ!!
    ไอ้ศรีต้องรีบมาสงบศึก..เพราะด้วยเกรงว่า  ร้านที่มันใฝ่ฝัน  จะกลายมาเป็นเวทีมวยซะก่อน
    "เอาน่า..พวกแกจะรีบไปเรียนหนังสือกันไม่ใช่เร๊อะ..ไปซี่  เดี๋ยวทางนี้ฉันจัดการเอง"

    พวกเราจึงถอยทัพออกมา..เพราะ..ไม่อยากจะเสวนากับเจ้าพวกยียวนกวนประสาททั้งห้านี่
    แต่ก็อดเป็นห่วงไอ้ศรีไม่ได้..ไม่ใช่เรื่องล่วงละเมิดอะไรอย่างนั้นหรอกนะ..แต่ห่วง สติสัมปชัญญะ
    เพื่อนศรีต่างหาก..ไม่งั้นเค้าจะยกย่องให้เจ้าพวกนี้..มันเป็นกลุ่มเหลือขอ  หรอกเร๊อะ????
รับให้คำปรึกษาและช่วยดำเนินการเรื่องการทำวีซ่านักเรียน (อเมริกา)

71

กระทู้

16

ติดตาม

2710

เครดิต

ผู้ดูแลระบบ

Rank: 9Rank: 9Rank: 9

    “หมั่นไส้..ชิปเป๋ง…พูดกะเรายังกะไปกินของมันฟรีๆ”  เสียงไอ้นิด
    “ทีเมื่อก่อน..ละแทบจะมาอุ้มให้เข้าไปร้าน..โธ่เอ๊ย..ยัยเจ๊เฮงซวย..??”  เสียงไอ้ตุ่ม
    “เออ..ต่อไปนี้..พวกเรา..จะไม่ไปร้าน..อีเจ๊สามหาวนี่อีก..ใครไปขอให้มันจู๊ดๆโว๊ยยย”  เสียงฉันเอง
    “แต่..อย่างว่าละนะ..เขาก็ต้องอยากได้ลูกค้าฝรั่งมากว่าเรา..เพราะพวกเราคงจะกินน้อยน่ะ” เสียงไอ้ศรี
    ที่ทำให้ทุกคนต้องหันมาดูมันเหมือนตัวประหลาด..ว่า.มันคิดได้ยังไง..แหวกแนวแหกเพื่อนพ้องหยั่งเงี้ย

    ไอ้ศรี..คงจะทนสายตาของพวกเราไม่ได้จึงพูดเสียงอ่อยๆว่า..
    “เก๊าะ..พวกแกคิดดูนะ..ว่าพวกเราก็มีงบกำจัด..ไม่ค่อยได้กินของแพงๆ ฟาดแต่ก๊วยเตี๋ยวกันยัน  เจ๊แกคงอยากจะเอาโต๊ะให้ฝรั่งนั่ง…พวกที่มากินแล้วสั่งไวน์สั่งเบียร์น่ะ  อย่าไปโกรธแกเลย..เป็นเราบ้างก็คงคิดเหมือนกันละวะ”

    แต่พวกเรา..ทุกคน(ยกเวันไอ้ศรี.).เห็นว่านั่นไม่ใช่เหตผลที่ดี..จึงประกาศบอยคอต..ร้านเจ๊จี..ตั้งแต่วันนั้น
    ประกาศไม่ประกาศเปล่า…มีการสาบแช่งถ้าเผื่อใครแหกกฏเหล็กนี้ด้วย ไม่เว้น..แม้แต่ไอ้ศรี..ไอ้เพื่อนช่างคิด

    เมื่อหมดภาระกิจที่จะต้องไปนั่งร้านพี่จีจอมงกแล้ว..
    ต่อมาในทุกๆเย็น..พวกเราจึงต้องกลับมานั่งที่ร้านจีนหัวมุมเหมือนเดิม..บรรยากาศเซ็งๆ…ไม่มีหนังสือพิมพ์ไทยอ่านโต๊ะฝุ่นจับเหนียว..แจกันเสียบกุหลาบเทียมสีแดงช้ำๆ..
    บริกรตี๋ขาโก่งพูดทีเห็นฟันเหลืองอ๋อยแถมชอบมาทำท่ากะลิ้มกะเลี่ยไอ้เป้าอยู่บ่อยๆจนน่ารำคาญ
    แต่..พวกเราก็ต้องเอาหูไปนาเอาตาไปไร่กันซะบ้าง..
    เพราะจะไปหาร้านที่ไกล้บ้าน..อีกทั้งราคาย่อมเยาว์ก็ไม่ใช่จะหาได้ง่ายๆ  ก็เห็นทีต้องยอมทนๆกันไป

    ในตอนเย็นวันหนึ่ง..ขณะที่..พวกเราทั้งหมดกำลังเดินหอบตระกร้าผ้าซัก..ลงบันไดมาชั้นล่าง..  มิสซิสปาร์ค  เจ้าของตึกก็เดินสวนขึ้นมา..
    ก็มีการวี๊ดว๊ายกระตู้วู้ทักทายกันตามระเบียบฝรั่ง..ผลัดกันชม..ไอ้โน่นไอ้นี่ไปตามประสา
    มิสซิสปาร์ค..ก็บ่นขึ้นว่า…ร้านขายแซนวิซเล็กๆ..ตรงหัวมุมตึก(ที่แกเป็นเจ้าของด้วย) นั้นกำลังจะว่างลง..
    แกจะต้องมาทำความสะอาดและจะต้องหาคนมาดำเนินกิจการเช่าต่อไป
    ไอ้ศรีได้ฟังก็สะดุดกึก…มันหยุดยืนคุยกับ
    มิสซิสปาร์ค ชนิดเป็นเรื่องเป็นราว..ถึงค่าเช่า..ค่าน้ำค่าไฟ..และรายได้โดยประเมิน..จนพวกเราต้องกระทุ้ง..แต่อดที่จะกัดมันซะนิดหน่อยไม่ได้…
    “แกคิดจะ..ขายแซนวิซ..กะเขาหรือไงวะ?”  
    ฉันเป็นคนเริ่มต้นการซัก..
    ศรีทำหน้าเคร่ง..ทีท่าเอาจริงเอาจังชนิดที่เพื่อนฝูงไม่เคยเห็นมาก่อน…แววตามันค่อนข้างมุ่งมั่น..ก่อนที่จะตอบว่า
    "เออ..แต่ไม่ใช่ร้านแซนวิซ…เราว่า..จะปรึกษาพวกนายว่า..เรามาทำร้านอาหารไทยดีไหม?”
    "ฮ่าฮ่าฮ่า..โอย..อยากหัวเราะให้ชักดิ้นไปตรงนี้เลยว่ะ..ไอ้ศรี..ที่ร้านนั้นมันแค่แมวดิ้นตาย..จะทำอะไรได้วะ..หา..??”
    “แล้วจะเอาทุนที่ไหนมากั๊น..ทุกอย่างต้องลงทุนนะแก..”
    “แล้วใครจะมาทำงานล่ะ..หนังสือก็ต้องไปเรียน..อย่าเพ้อเจ้อไปหน่อยเลยน่า..นังนี่ถ้ามันจะบ้า..”
    เสียงท้วงติงนานาเหล่านี้นั้น..มาจากพวกเราแทบทั้งสิ้น

    แต่เมื่อมาฟังศรี..พูด..และพูด..ถ้อยคำที่พรั่งพรูออกมาจากปากเพื่อนสาวคนนี้…ทำให้เสียงพวกเราค่อยแผ่วลง แผ่วลง..ในที่สุด..ทุกคนก็เงียบสนิท..อีกทั้งตั้งอกตั้งใจฟังกันเป็นอย่างดี..เพราะ  เหตุผลดังนี้
    ว่า...ร้านนั้นเราแทบจะได้ฟรีๆ  อุปกรณ์ในครัวก็มีพร้อม  เตา  ตู้เย็น  ค่าเช่าไม่แพงเพียงแค่เดือนละสามร้อยห้าสิบเหรียญ  และถ้าพวกเราร่วมแรงร่วมใจกันจริงๆแล้วละก้อ
    พวกเรานี่แหละ..จะได้เปิดร้านอาหารไทยที่เป็นของตัวเอง  แข่งกับพี่จี  ให้มันรู้ดีรู้ชั่วไปเลย !!!
    ด้วยเหตุผลเพียงข้อนี้ข้อเดียว...ที่ทำให้การตัดสินใจร่วมทุนร่วมแรงมีมติเป็นเอกฉันท์  ทั้งๆที่
    ไม่มีใครรู้เรื่องธุรกิจชนิดนี้เลยแม้แต่นิด  มีแต่อารมณ์ผสมลูกบ้าของวัยรุ่นเลือดร้อนในช่วงนั้นแต่เพียงอย่างเดียว   คนที่เห็นจะพึ่งได้และเป็นเจ้าความคิด  อีกทั้งเป็นตัวตั้งตัวตี  ก็คือ ศรี  มันจึงได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลและจัดการวางแผนงานทั้งหมด..
    ในชั้นแรก...พวกเรามานั่งประชุมถึงเรื่องเงินที่จะใช้ในการลงทุนตอนเริ่มต้น  และรายจ่ายทั้งหมด
    ค่าเช่าร้าน  พร้อมล่วงหน้าหนึ่งเดือน  ค่าวางมัดจำ  ค่าไฟ  ค่าโทรศัพท์  ค่าเครื่องมือเครื่องใช้ อีกทั้งอาหารสดอาหารแห้ง  เบ็ดเสร็จรวมแล้วประมาณสี่พันกว่าเหรียญ  
    ศรีเรียกหุ้นจากพวกเราคนละพัน...ซึ่งสำหรับบางคน..มันหมายถึงการสิ้นเนื้อประดาตัวทีเดียว
    นิดบ่นอย่างกลุ้มอกกลุ้มใจ..เรา..มีตังค์ไม่พอหรอกนะ  ในแบ๊งค์มีไม่กี่ร้อยเอง!!
    เป้าก็ผสมโรง...ใช่..เราก็เหมือนกัน  สงสัยเราจะหุ้นด้วยไม่ได้แล้วว่ะ  เสียดายจัง !!
    แต่..ไอ้ศรี..หัวเรือใหญ่..ประกาศกร้าว...ว่า
    มีเท่าไหร่..ก็เอามา..เราพอมีเก็บไว้บ้าง  จะเอาออกมาสมทบให้ก่อน  แล้วเราจะหักเอาคืนจากกำไรส่วนแบ่ง !!
    ทุกคนหันมามองตากัน  อ้าปากค้าง  เพราะเป็นที่รู้ๆกันว่า..ไอ้ศรีนั้น..สลึงเดียวไม่กระเด็น
    และที่สำคัญ..มันเชื่อมั่นในกิจการนี้ถึงขนาด..นับกำไรไว้ล่วงหน้าเชียว..
    ฉันนั้น...เทกระเป๋า..ให้มันไปก่อนใคร..
    เอาวะ..ไอ้ศรี..ถ้าแกเชื่อขนาดนั้น...เอาไงเอากัน !!!

    เมื่อมติการที่จะเปิดร้านอาหารไทยเป็นอันตกลงดังนั้นแล้ว   พวกเราเริ่มวิ่งกันวุ่น ในฐานะนักธุรกิจวัยรุ่นที่ไม่รู้อะไรเลย  โชคดีที่มิสซิสปาร์ค เจ้าของสถานที่ได้ให้คำแนะนำในเรื่อง
    เอกสารทางด้านกฏหมายต่างๆ  ซึ่งในการอธิบายด้วยวาจาในชั้นแรกนั้น  พวกเราแทบจะหมดกำลังใจ
    เพราะ

    หนึ่ง  เราทุกคนจะต้องไปที่เทศบาล(CITY  HALL) ไปเอาเอกสารที่จะขออนุญาตเปิดกิจการมากรอก และเสียค่าธรรมเนียม  พร้อมทั้ง แจ้งชื่อร้านที่จะใช้เพื่อ  ทางการจะได้ดูให้ว่า..ไปซ้ำกับใครในละแวกหรือไม่ อีกทั้งต้องเสียค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขายเครื่องดื่มชนิดแอลกอฮอล์ต่ำ เช่น เบียร์  ไวน์
    (ถ้าจะเป็นเหล้า...ต้องแยกประเภท อันนี้แพงมากสำหรับค่าใบอนุญาต)

    สอง   ต้องไปเอาเอกสารที่จะแสดงภาษีต่างๆมากรอก  โดยใช้บัตรประกันสังคม
    และบัตรประจำตัวผู้เสียภาษี  มาเป็นหลักฐาน(ซึ่งพวกเราทุกคนมีพร้อม ในสมัยนั้น ใครใครก็มีได้)

    สาม  ต้องไปแผนกควบคุมอนามัยและสิ่งแวดล้อม   เพื่อขอใบอนุญาตเปิดกิจการ อันนี้สำคัญมาก  เจ้าหน้าที่ของแผนกนี้จะเป็นผู้มาตรวจร้าน...และเห็นว่าทุกอย่างนั้นสอาดถูกหลักอนามัย ไฟ แก๊ซไม่รั่วไหล  จึงจะเซ็นใบอนุญาตให้เปิดได้  นั่นคือ  ด่านสุดท้าย !!!

    ทันทีที่ได้ฟังตามขั้นตอน  ฉันและคนอื่นๆก็ชักจะโยเย  เพราะมองเห็นความยุ่งยากต่างๆนานา  แต่
    ศรี...ไม่ยอมแพ้  มันจับพวกเราทั้งหมดนั่งรถไปซิตี้   ฮอลล์  จนได้ในวันรุ่งขึ้น..
    ทันทีที่แจ้งความประสงค์   เจ้าหน้าที่  ส่งแบบฟอร์มมาให้หนึ่งฉบับมาให้กรอก  พวกเราก็ทำตามที่ตกลงกันไว้  คือ..ใส่ชื่อทุกคนลงไปในฐานะผู้ดำเนินกิจการทุกคน คือเป็นเจ้าของร่วมกันทั้งหมดที่มีความรับผิดชอบเท่ากัน  และเมื่อเราส่งคืนให้กับเจ้าหน้าที่
    พร้อมกับถามถึงสถานที่  ที่ทำการอื่นๆ  ที่เราจะต้องไปติดต่อต่อไป... เจ้าหน้าที่มองพวกเราอย่างเอ็นดูและบอกว่า  ไม่ต้องไปไหนเพราะ
    ทุกอย่างอยู่ในนี้หมดแล้ว..เอกสารนั้นมีหลายก๊อปปี้ซ้อนกัน ต่างๆสี  แต่ละสีจะเป็นของแต่ละแผนก
    ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น..เพียงแต่เราเสียค่าธรรมเนียมแต่ละใบให้ครบจำนวน  ทุกอย่างก็เสร็จสิ้นตรงนั้น...
123
กลับไป ตั้งกระทู้ใหม่
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

Archiver|WAP|KhonThai America

GMT+7, 2024-5-18 22:56 , Processed in 0.027141 second(s), 19 queries .

Powered by Discuz! X2.5  Language by l3eil3oy

© 2001-2012 Comsenz Inc. style by eisdl

ขึ้นไปด้านบน