KhonThai America : คนไทยในอเมริกา

 ลืมรหัสผ่าน
 ลงทะเบียน
ค้นหา
แท็กยอดนิยม: ภาษาไทย แจก discuz
ดู: 4272|ตอบกลับ: 0

รวม Phrasal Verbs (คำกริยา 2 ส่วน) ที่ออกข้อสอบบ่อย

[คัดลอกลิงก์]

1188

กระทู้

4

ติดตาม

6160

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

Rank: 8Rank: 8

โพสต์เมื่อ 2017-6-5 18:01:48 |ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ice999 เมื่อ 2017-6-5 18:01


phrasal_verbs.gif


                    วันนี้ไปเจอบทความคำกริยาที่น่าสนใจจากใน Dek-d โดยพี่พิซซ่ามาค่ะ ซึ่งทุกคำ เป็นคำที่เราต้องรู้ทั้งนั้น มาดูกันว่า มีคำไหนและมีวิธีจำแบบไหนบ้าง
              

phrasal verbs คืออะไร

     phrasal verbs คือคำกริยาที่มี 2 ส่วน คือส่วนกริยาหลักหรือเรียกง่ายๆ ว่าเวิร์บหลัก กับส่วนหลังที่เรียกว่า particle ค่ะ (พาร์ทิเคิล) เมื่อเวิร์บหลักเจอกับพาร์ทิเคิลมันก็จะเกิดเป็นความหมายใหม่ เช่น

count ปกติเป็นคำกริยาที่แปลว่า "นับ"
แต่พอเติมพาร์ทิเคิลข้างหลังว่า on เข้าไป
คำว่า count on ก็จะกลายเป็นความหมายใหม่ที่แปลว่า "พึ่งพาได้, ไว้วางใจได้"
I know that I can always count on you. ฉันรู้ว่าฉันสามารถพึ่งเธอได้เสมอ

jazz ปกติถ้าเป็นคำกริยาก็หมายถึง "เล่นเพลงสไตล์แจ๊ซ"
แต่พอเติมพาร์ทิเคิลข้างหลังว่า up เข้าไป
คำว่า jazz up ก็จะกลายเป็นความหมายใหม่ที่แปลว่า "ทำให้น่าสนใจขึ้น"
Let's jazz up this room with neon curtains. มาทำให้ห้องนี้น่าสนใจขึ้นด้วยผ้าม่านสีนีออนกันเถอะ

1.jpg
Joanne Kraft


ตำแหน่งการวาง phrasal verbs

     มองเผินๆ ก็เหมือนจะง่ายนะคะ เพราะก็คือเขียนเรียงๆ กันไปเลยนั่นแหละ ขึ้นด้วยกริยาก่อน แล้วค่อยตามด้วยพาร์ทิเคิล แต่พอมีกรรม (object) เพิ่มเข้ามาก็เริ่มจะเกิดปัญหาแล้วว่าจะเอากรรมวางตรงไหน จะวางไว้ตรงกลางอยู่ใน phrasal verbs เลย หรือจะเขียน phrasal verbs ติดกันแล้วเอากรรมวางไว้หลังพาร์ทิเคิลดีล่ะ

     จริงๆ phrasal verbs ส่วนมากจะมีแพทเทิร์นเดียวมาเลย เช่น count on ก็มีแพทเทิร์นเดียว คือเขียน count on ติดกันแล้วค่อยต่อท้ายด้วย you จะเอา you ไปแทรกตรงกลางระหว่าง count กับ on ไม่ได้ ถามว่าต้องท่องเลยมั้ยว่ามี phrasal verbs ไหนบ้างที่มาแพทเทิร์นนี้อย่างเดียว จริงๆ แค่อ่านเยอะๆ ฟังเยอะๆ ก็คุ้นเองแล้วค่ะ เปิดคลื่นวิทยุที่เปิดเพลงภาษาอังกฤษวันเดียวก็จะได้ยินแต่ count on you, count on me, count on him วนๆ อยู่ประมาณนี้ แค่นี้เราก็ชินไปเองแล้วว่า count on มันมีแพทเทิร์นของมันแค่แบบนี้อย่างเดียว

     หรืออย่าง count in ที่แปลว่า "รวม(ใคร)เข้าไปในแผนการด้วย" phrasal verbs นี้ก็ได้ยินในภาพยนตร์บ่อยๆ เช่นในหนังวัยรุ่น จะมีตัวละครนึงพูดขึ้นมาว่าจะมีงานปาร์ตี้ที่บ้านใครซักคน ตัวเอกก็อาจจะตอบว่า Count me in! หรือจะคือ "ฉันไปด้วย" หรือถ้าเป็นหนังวางแผนปล้น พอตัวละครที่วางแผนอธิบายเสร็จว่าจะมีตำแหน่งอะไรบ้าง อีกคนก็อาจจะตอบว่า Count me in! เพื่อสื่อว่า "ฉันเอาด้วย" ก็ได้ค่ะ เจอแบบนี้เข้าบ่อยๆ ก็จะคุ้นเคยเองว่า count in มันมีแพทเทิร์นคือ count ....... in (และก็จะรู้ด้วยว่าในช่องว่างนั้นก็เป็นคนเสมอ ไม่ใช่สิ่งของ)


***แต่***

     แต่ก็ไม่ใช่ว่า phrasal verbs ทุกตัวจะตรงๆ แบบ count on กับ count in ที่เขียนได้อยู่แบบเดียวค่ะ มีหลายตัวที่จะวางกรรมคั่นตรงกลางหรือวางไว้ข้างหลังทีเดียวเลยก็ได้ เช่น turn off ที่แปลว่า "ปิด" เราจะบอกว่า turn off the TV หรือ turn the TV off ก็ได้ ถูกเหมือนกันทั้งคู่ ความหมายเดียวกันทั้งคู่ หรือคำว่า knock over ที่แปลว่า "ทำให้ล้มลงไป" จะเขียนว่า knock over the vase หรือ knock the vase over ก็ได้ ก็แปลว่าทำให้แจกันล้มเหมือนกันอยู่ดีค่ะ ชอบแบบไหน รู้สึกว่าแบบไหนที่เป็นธรรมชาติสำหรับตัวเรามากกว่าก็เลือกเรียงลำดับคำไปแบบนั้นได้เลย

     แต่... (ยังมีอีกแต่นึงนะ) มีอยู่กรณีนึงที่เราจะต้องเอากรรมไว้ตรงกลาง ให้มันอยู่ข้างใน phrasal verbs เท่านั้นค่ะ นั่นคือเมื่อกรรมนั้นเป็น personal pronoun นั่นเอง

    personal pronoun คือสรรพนามแทนบุคคลค่ะ (ลืมไปรึยัง 555) ซึ่งสรรพนามแทนบุคคลที่ทำหน้าที่เป็นกรรมก็ได้แก่ me, you, him, her, us, them, it ฉะนั้นถ้าเจอ 7 ตัวนี้เป็นกรรมของ phrasal verbs ก็ต้องเอา 7 ตัวนี้ไปไว้แทรกกลางใน phrasal verbs ตัวนั้นนะคะ เช่น turn it off และ knock it over ไม่งงเนอะ

2.jpg
The Sanctuary of Pella


รวมฮิต phrasal verbs ออกสอบบ่อย


break

break down พัง (จะรถพังหรืออารมณ์พังแบบปล่อยโอลั่นเลยก็ได้)
My car broke down this morning. รถฉันพังเมื่อเช้า
She broke down in tears. เธอร้องไห้ออกมาลั่น (อารมณ์แบบควบคุมไม่ไหวแล้ว)

break in บุกรุกเข้าไปในอาคาร
The bad guys tried to break in. พวกคนไม่ดีพยายามบุกเข้ามา

break off    ยุติ, ทำให้แยกออกจากกัน, หยุดพูดกระทันหัน
Let's break off for a while and have some coffee. เราหยุดเรื่องนี้กันซักพักแล้วไปกินกาแฟกันเถอะ
He broke off his speech when he remembered that she was waiting for him. เขาหยุดพูดไปเฉยๆ เมื่อจำได้ว่าเธอกำลังรอเขาอยู่

break out พังออกไป, อยู่ๆ ก็เริ่มทันที
War may break out at any moment. สงครามจะเริ่มเมื่อไหร่ก็ได้ตอนนี้
A prisoner broke out of his cell. นักโทษหนีออกมาจากห้องขัง

break up เลิกรา, แตกกลุ่ม, ทำให้แหลก, อยู่ๆ ก็หัวเราะออกมาแบบคุมไม่ได้
She was heartbroken when we broke up. เธอหัวใจสลายตอนที่เราเลิกกัน
The meeting broke up at 5. การประชุมเลิกตอน 5 โมง

bring

bring about เป็นสาเหตุของ, ทำให้เกิด
Tornados bring about damage every year. ทอร์นาโดทำให้เกิดความเสียหายทุกปี

bring up เลี้ยงดู, ให้การศึกษา, พูดถึง
I will bring up my kid as my mother did me. ฉันจะเลี้ยงลูกให้เหมือนกับที่แม่เลี้ยงฉันมา
Don’t bring up the fight again. อย่าพูดถึงเรื่องที่ทะเลาะกันอีกนะ

call

call for เรียกหา, เรียกร้อง, จำเป็นต้องได้
This condition calls for urgent medical attention at any time. อาการนี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลทางแพทย์อย่างเร่งด่วนเมื่อใดก็ได้

call off ยกเลิก
She called off the meeting. เธอยกเลิกการประชุม

call out เรียกชื่อเสียงดังๆ, สั่งให้คนมาช่วย
Please call out my name during your live session. ได้โปรดเรียกชื่อฉันออกมาด้วยตอนที่คุณไลฟ์สด



carry

carry on ทำต่อไป
You must carry on your studies. เธอต้องศึกษาเล่าเรียนต่อไปนะ

carry out ทำให้สำเร็จลุล่วง
You should carry out this plan. เธอควรทำแผนนี้ให้เรียบร้อยนะ

come

come across เจอโดยบังเอิญ
I come across this book in a bookstore around the corner. ฉันบังเอิญเจอหนังสือเล่มนี้ในร้านหนังสือแถวหัวมุมถนน

come by เยี่ยมเยียน, ไปมาหาสู่
She came by the house and appeared to be pregnant. เธอแวะมาเยี่ยมที่บ้านและดูเหมือนว่าเธอจะท้อง

come off หลุดร่วง
Use this oil and the paint will come off. ใช้น้ำมันนี้แล้วสีก็จะหลุดออกมา

come up เกิดขึ้นมาในใจ, คิดขึ้นมาได้
He came up with an excellent idea. เขาคิดอะไรดีๆ ขึ้นมาได้

fall

fall behind ตามหลังอยู่
Our students are falling behind global peers in math. นักเรียนของเราตามหลังนักเรียนจากทั่วโลกในวิชาคณิตศาสตร์

fall for ตกหลุมรัก, ตกหลุมพราง
Don't fall for his sugar-coated words. อย่าไปตกหลุมคำหวานของเขาล่ะ

get

get along เข้ากันได้ดี
My sisters can't get along with each other. พวกพี่สาวของฉันเข้ากันไม่ได้

get away ปลีกตัวออกไป, รอดไปได้
The robbers got away with $30 million cash. พวกโจรหนีไปได้พร้อมเงินสด 30 ล้านดอลลาร์

get off ลงจากรถไฟ, รถเมล์, เรือ, เครื่องบิน ตรงข้ามกับ get on ที่แปลว่าขึ้นไปบนยานพาหนะนั้นๆ
Get on at St Paul’s Cathedral and get off at Buckingham Palace. ขึ้นรถที่วิหารเซนต์พอลแล้วลงรถที่พระราชวังบัคกิงแฮม

get in ขึ้นรถยนต์, รถแท็กซี่ ตรงข้ามกับ get out ที่แปลว่าลงจากพาหนะนั้นๆ
Get in the car now! ขึ้นรถเดี๋ยวนี้!
Let's get out of the taxi. ลงจากแท็กซี่กันเถอะ


go

go against ขัดแย้งกับ
Do not go against the rule. ห้ามขัดแย้งกับกฎนะ

go off ระเบิด, (นาฬิกาปลุก) ดัง, (ไฟฟ้า) ดับ, (อาหาร) บูด
We heard the bomb go off. พวกเราได้ยินเสียงระเบิดระเบิด
The alarm just went off. สัญญาณเตือนดังขึ้นมา

go over ตรวจตรา, ตรวจสอบความความถูกต้อง
We have to go over this project carefully. เราต้องตรวจสอบโครงการนี้อย่างระมัดระวัง


keep

keep off ออกห่าง, หลีกเลี่ยง, ละเว้น
The sign said 'keep off the grass.' ป้ายเขียนว่าห้ามเดินลัดสนาม
This net here is to keep off mosquitoes. มุ้งนี้มีไว้กันยุง

keep on ทำต่อไป
If you keep on smoking like that, you'll die soon. ถ้าเธอยังสูบบุหรี่แบบนี้ต่อไป เธอจะตายในเร็วๆ นี้

keep up with ตามให้ทัน
You need to keep up with me. เธอจำเป็นต้องตามฉันให้ทัน

look

look after ดูแล
I'll look after your kids. ฉันจะดูแลลูกๆ เธอให้

look down on ดูถูก
You should never look down on people. เธออย่าได้ดูถูกคนอื่น

look forward to ตั้งตารอคอยอย่างใจจดใจจ่อ
I look forward to seeing you. ฉันตั้งตารอคอยที่จะได้พบเธอ

look up to ชื่นชม, เคารพนับถือ



put

put on สวมใส่, เพิ่ม (น้ำหนัก)
Put on your coat before you go outside. สวมเสื้อคลุมก่อนออกไปนะ
I've put on a lot of weight since Songkran. ฉันน้ำหนักขึ้นเยอะมากตั้งแต่สงกรานต์

put out ดับ (ไฟ)
Be sure to put out the fire before you leave. ดูให้แน่ใจว่าคุณดับไฟเรียบร้อยก่อนออกไป

put up with ยอมทน
I will not put up with an insult like that. ฉันจะไม่ทนกับคำด่าแบบนั้น

run

run into บังเอิญเจอกัน
I ran into Tom again yesterday. เมื่อวานฉันบังเอิญเจอกับทอมอีกแล้ว

run out of หมดแล้ว, ไม่มีสำรอง
We have run out of sugar and milk. น้ำตาลกับนมเราหมดแล้ว

3.jpg
Golden Gate Obstetrics & Gynecology

                        
                      แน่นอนว่าคำพวกนี้ เราควรต้องท่อง ไม่งั้นความหมายจะเพี้ยนไปเลยค่ะ แต่หากเราใช้บ่อย ๆ พูดบ่อยๆ ก็จะคล่องเองนะคะ ส่วนใครที่ ที่สนใจเรียนที่อเมริกา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ อีเมล enroll@khonthaiamerica.com หรือทาง Inbox https://www.facebook.com/KhonThaiAmerica   ทางเรามีเจ้าหน้าที่ดูแลนักเรียนอยู่ตามเมืองต่างๆ เช็ครายชื่อเจ้าหน้าที่ ที่นี่  http://khonthaiamerica.com/services/khon-thai-america-staff/

โดย Ice : KhonThaiAmerica

ที่มา
https://www.dek-d.com/studyabroad/45858/


ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

Archiver|WAP|KhonThai America

GMT+7, 2024-3-29 11:54 , Processed in 0.035314 second(s), 26 queries .

Powered by Discuz! X2.5  Language by l3eil3oy

© 2001-2012 Comsenz Inc. style by eisdl

ขึ้นไปด้านบน