แต่ในปี 1904 ภรรยาของจอร์จก็เสียชีวิตลงจอร์จจึงสั่งให้คนงานทั้งหมดหยุดงานและทิ้งการก่อสร้างในทันทีจอร์จเองก็ไม่เคยกลับมาที่นี่อีกเลย เพราะเขาทนเห็นบ้านในฝันที่ไม่มีภรรยาเขาอยู่ด้วยแล้วไม่ได้
หลังจากนั้นทางการของ ThousandIslands ก็ซื้อสิ่งก่อสร้างทั้งหมดนี้ต่อจากตระกูลโบลท์ในราคาเพียง 1 ดอลลาร์ ภายใต้ข้อตกลงว่าจะสร้างต่อยังไงก็ได้แต่ห้ามทุบสิ่งที่สร้างแล้วทิ้งซึ่งทางการต้องซ่อมแซมและต่อเติมบูรณะทั้งหมดไป 15 ล้านเหรียญเลยทีเดียวปัจจุบันนี้ปราสาทนี้เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้คนทั่วไปเข้าชมได้โดยต้องนั่งเรือเฟอร์รี่เข้ามาที่เกาะฮาร์ท
เมื่อ 60 กว่าปีก่อน เฮนรี่ ฟรานซิส ดูปองต์เปิดบ้านสมัยเด็กของเขาเองให้ทุกเข้าเข้าชมได้ จนตอนนี้คฤหาสน์วินเทอร์ทัวร์กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในอเมริกา วินเทอร์ทัวร์มีห้องพักทั้งหมด175 ห้อง ล้อมรอบตัวบ้านด้วยทุ่งหญ้าและป่าไม้นอกจากนี้ยังมีสวนสวยติดอันดับที่มีพันธุ์ไม้หายากเหมาะแก่การศึกษาด้วย
แถมตอนนี้ยังมีนิทรรศการ Downton Abbey มาเอาใจแฟนๆละครชุดนี้โดยเฉพาะ เพราะสถาปัตยกรรมและการตกแต่งของคฤหาสน์นี้คล้ายคลึงกับในเรื่องมากๆแถมยังมีคอสตูมจาก Downton Abbey มาให้ลองใส่ระหว่างเดินชมคฤหาสน์ให้บริการด้วยราคาค่าเข้าชมอยู่ที่คนละ $20 ค่ะ
4. The Breakers รัฐโรดไอแลนด์
คอร์นีเลียสแวนเดอร์บิลท์ที่สอง พี่ชายของจอร์จผู้สร้าง The Biltmore เป็นผู้สร้างคฤหาสน์5 ชั้น 70 ห้องนอนแห่งนี้คฤหาสน์นี้โดดเด่นตรงที่ตั้งเพราะตั้งอยู่ริมหน้าผาติดมหาสมุทรแอตแลนติกเลย
ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ดูแลโดยสมาคมอนุรักษ์ของเมืองพอร์ตแลนด์ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าชมได้ทั่วยกเว้นเพียงบริเวณชั้น 3 ที่ยังเป็นที่พักของทายาทตระกูลแวนเดอร์บิลท์อยู่(อยากแวะไปทำความรู้จักด้วยจัง)
5. Iolani Palace รัฐฮาวาย
อันดับนี้เคยเป็นพระราชวังจริงๆของกษัตริย์ฮาวายในสมัยก่อนค่ะฉะนั้นมาเที่ยวที่นี่จะได้เห็นอะไรมากกว่าบ้านหลังอื่นๆ แน่ไม่ว่าจะป้อมทหารหรือพลับพลาพระราชพิธีที่เคยใช้ประกอบพิธีในสมัยก่อนถ้าอยากรู้สถาปัตยกรรมแบบฮาวายเป็นยังไงต้องมาดูที่นี่เลย
ใครที่ชื่นชอบการเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์น่าจะชอบคฤหาสน์พวกนี้ส่วนใครที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศก็ลองไปเที่ยวปราสาทสวยๆ ในอเมริกาดูนะคะจะได้เห็นอีกมุมหนึ่งของประเทศนี้ค่ะ