ประโยคถามทาง
Excuse me, could you tell me how to get to the train station?
ขอโทษนะครับ ช่วยบอกทางไปสถานีรถไฟหน่อยได้มั้ยครับ
Excuse me, where can I find the post office?
ขอโทษค่ะ ไปรษณีย์ไปยังไงเหรอคะ
May I ask where the Art Museum is?
รบกวนถามหน่อยค่ะว่าพิพิธภัณฑ์ศิลปะอยู่ตรงไหนเหรอคะ
Is there any restroom near/around here?
ไม่ทราบว่าแถวนี้มีห้องน้ำหรือเปล่าครับ
ในกรณีที่เราเป็นฝ่ายถูกถามแต่เราไม่รู้ทาง สามารถบอกเค้าได้เลยว่า I’m not sure หรือ I’m sorry, I’m not from here ก็ได้ค่ะ
How to บอกทางและตำแหน่งที่ตั้ง
เรารู้วิธีถามทางกันไปแล้ว ทีนี้มาดูวิธีบอกทางกันบ้างดีกว่า ในความเป็นจริง เราไม่จำเป็นต้องกังวลกับการพูดรูปประโยคให้ถูกต้องเป๊ะๆ แต่สิ่งที่สำคัญคือต้องบอกทางให้ถูกค่ะ ถ้าทางมันซับซ้อนก็ควรใส่บุพบทอย่าง then, next หรือ after that เข้าไปเวลาพูดต่อๆ กัน คนถามจะได้ไม่งงค่ะ
Go straight
Go straight มีความหมายว่า “ตรงไป” สามารถพูดว่า Go straight เฉยๆ เลยก็ได้ หรือถ้าอยากพูดอธิบายเพิ่มเติม ก็ใส่บุพบทเข้าไปข้างหลังตามด้วยสิ่งที่เราอยากบอกเพื่อขยายความ เช่น
Go straight on + until…
ตัวอย่างประโยค
Go straight on until you see the restaurant.
เดินตรงไปเรื่อยๆ จนเจอร้านอาหาร
Go straight on/up/along + ชื่อถนน
ตัวอย่างประโยค
Go straight on/up/along Henri Dunant Street, then turn left when you see Siamkit Building.
เดินตรงไปตามถนนอังรี ดูนังต์ จากนั้นก็เลี้ยวซ้ายตรงตึกสยามกิตติ์
ส่วนคำว่า Go ahead ในการบอกเส้นทางไม่ค่อยนิยมใช้คำนี้กันเท่าไหร่ มักใช้ในการอนุญาตให้ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากกว่าค่ะ เช่น “Can I borrow your pen?” “Sure, go ahead.”
Turn left / right (at the 1st,2nd,3rd corner)
Turn left / right แปลว่า เลี้ยวซ้าย หรือ เลี้ยวขวา ถ้าน้องๆ จะบอกว่าให้เลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวาที่ซอยหรือแยกข้างหน้าแต่ไม่รู้ชื่อ สามารถใช้เป็น 1st, 2nd, 3rd แทนได้เหมือนกันค่ะ
ตัวอย่างประโยค
Walk along this street and turn right at the 2rd corner.
เดินตามถนนนี้แหละแล้วก็เลี้ยวขวาซอย/แยกที่สอง
Head to + สถานที่
คำว่า Head to หมายถึง ไปยัง...(สถานที่)... ถ้าใช้คำนี้ ต้องมั่นใจว่าคนฟังน่าจะรู้จักสถานที่นั้นอยู่แล้ว แทนที่เราจะต้องบอกทางทั้งหมดยาวยืดแถมเป็นสิ่งที่เค้ารู้อยู่แล้ว ก็จะได้บอกสั้นลงค่ะ
ตัวอย่างประโยค
Is there a post office around Siam?
แถวสยามมีไปรษณีย์หรือเปล่า
Yep, head to Siam Square 1. There’s one on the LG floor.
มีๆ ไปที่สยามสแควร์วัน ไปรษณีย์อยู่ที่ชั้น LG
On the left / right
กรณีที่น้องๆ บอกทางไปแล้วแต่กลัวว่าเค้าจะหาร้านหรือสถานที่ไม่เจอ ก็ใช้คำว่า On the left / right ที่หมายถึง (อยู่) ทางซ้ายมือ/ขวามือ บอกเพิ่มเติมได้ค่ะ
ตัวอย่างประโยค
The bakery shop is on the left.
ร้านขนมปังอยู่ทางซ้ายมือนะ
Behind
Behind แปลว่า ข้างหลัง หากต้องการบอกว่าสถานที่ A อยู่ข้างหลังสถานที่ B ก็ใช้คำนี้แหละค่ะ ง่ายมากๆ
ตัวอย่างประโยค
You know, there’s new ice cream shop behind the dorm.
รู้เปล่า มีร้านไอติมเปิดใหม่อยู่ข้างหลังหอเราด้วย
In front of
คำว่า In front of แปลว่า อยู่ข้างหน้า… ใช้ตอนที่จะบอกว่าสถานที่นึงตั้งอยู่หน้าอีกสถานที่นึง
ตัวอย่างประโยค
There is a bus stop in front of the school.
มีป้ายรถเมล์อยู่ที่หน้าโรงเรียน
Between
น้องๆ น่าจะเห็นคำนี้อยู่บ่อยๆ Between คือ ระหว่าง นั่นเองค่ะ เราจะใช้คำนี้ได้ต่อเมื่อน้องๆ รู้ว่ามีอะไรขนาบข้างสถานที่ที่น้องพูดถึง หากไม่รู้ว่าอยู่ระหว่างอะไรก็ใช้ไม่ได้ค่ะ
ตัวอย่างประโยค
Siam Center is between Siam Paragon and Siam Discovery
สยามเซ็นเตอร์อยู่ระหว่างสยามพารากอนกับสยามดิสคัฟเวอรี่
Opposite
อีกหนึ่งคำคุ้นเคย Opposite แปลว่า ตรงข้าม คำนี้ไม่น่าจะต้องอธิบายอะไรมากเนอะ 5555 ใช้เมื่อบอกว่าสถานที่ A อยู่ตรงข้ามสถานที่ B
ตัวอย่างประโยค
The hospital is opposite BTS station.
โรงพยาบาลอยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสจ้ะ
Across (from)
ถ้าจะบอกว่าสถานที่ A อยู่อีกฟากของถนนหรือแม่น้ำ ควรที่จะใช้ Across (from) แทน Opposite ค่ะ เพราะจะได้ความหมายที่ชัดเจนกว่าคำว่าตรงข้ามเฉยๆ
ตัวอย่างประโยค
Excuse me sir. Is there a bank around here?
ขอโทษนะคะ แถวนี้มีธนาคารไหมคะ
Yes, there is one right across (from) the street next to Library.
มีครับ อยู่ตรงอีกฝั่งของถนนติดกับห้องสมุดครับ
Around the corner
คำว่า Around the corner แปลตรงตัวได้เลยว่า หัวมุม ค่ะ
ตัวอย่างประโยค
If you’re in front of the bank, then our company is around the corner.
ถ้าคุณอยู่ตรงหน้าธนาคารแล้ว บริษัทของเราจะอยู่ตรงหัวมุมครับ
ตัวอย่างที่ 1
Cindy: Sorry to bother you, but would you mind showing me the way to the train station?
ซินดี้: ขอโทษที่รบกวนค่ะ ถ้าไม่ว่าอะไรช่วยบอกทางไปสถานีรถไฟหน่อยได้มั้ยคะ
Martin: Certainly. Do you have a map?
มาร์ติน: ได้สิครับ คุณมีแผนที่มั้ย?
Cindy: Yes!
ซินดี้: มีค่ะ
Martin: Take the first left when you enter Steven Road. After you pass a restaurant on your left, take a right at the crossroad. Then you’ll see a hospital. It is behind the hospital.
มาร์ติน: พอไปถึงถนนสตีเว่นแล้วให้เลี้ยวที่ซ้ายแรก จากนั้นพอคุณเดินผ่านร้านอาหารที่อยู่ทางซ้ายมือให้เลี้ยวขวาตรงสี่แยก ทีนี้ก็จะเห็นโรงพยาบาล สถานีรถไฟอยู่หลังโรงพยาบาลครับ
Cindy: Sorry, but I don’t remember. Can you help me find it?
ซินดี้: ขอโทษค่ะแต่ฉันจำไม่ได้ รบกวนคุณช่วยพาไปหน่อยได้มั้ยคะ
Martin: OK. Follow me. I’ll show you the way.
มาร์ติน: โอเค ตามมาเลยครับ ผมจะนำทางไป
ตัวอย่างที่ 2
Lisa: Would you show me the way to the clothes shop?
ลิซ่า: รบกวนช่วยบอกทางไปร้านขายเสื้อผ้าได้มั้ยคะ
Jimmy: When you get to Steve Street, take your next right. It’s on the corner, across from the cafe.
จิมมี่: ถ้าไปถึงถนนสตีฟแล้วให้เลี้ยวขวาครับ ร้านจะอยู่ตรงหัวมุม ตรงข้ามกับคาเฟ่
Lisa: Thanks! I’ve just moved in, so I really don’t know my way around yet.
ลิซ่า: ขอบคุณค่ะ ฉันเพิ่งย้ายมาแถวนี้ ก็เลยยังไม่ค่อยรู้ทางเท่าไหร่
Jimmy: Oh, I know how you feel. We moved here a year ago, and I still don’t know where everything is!
จิมมี่: โอ้ ผมเข้าใจครับ พวกเราก็ย้ายมาที่นี่เมื่อปีก่อน แต่ยังไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง!