3. Pygmalion โดย George Bernard Shaw
พิกเมเลียนเป็นบทละครที่แสดงครั้งแรกในปี 1913 เป็นเรื่องราวของศาตราจารย์ด้านสัทศาสตร์ Henry Higgins (เฮนรี่ ฮิกกิ้นส์) ที่พนันว่าเขาจะเปลี่ยนสาวขายดอกไม้จากบ้านนอก Eliza Doolittle (เอไลซ่า ดูลิตเติล) ผู้พูดภาษาอังกฤษสำเนียงค็อกนี่ย์ ให้กลายเป็นสุภาพสตรีชั้นสูง โดนจะสอนทั้งเรื่องการพูดและมารยาทต่างๆ ให้กับเธอ
บทละครเรื่องนี้ถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์อีกมากมายหลายเรื่องเช่น She's All That และ The Duff เรื่องที่โด่งดังที่สุดคือเรื่อง My Fair Lady นอกจากนี้ยังเป็นต้นแบบให้กับนิยายอีกหลายเรื่องที่ใช้พล็อตพระเอกพนันกับเพื่อนว่าจะเปลี่ยนสาวเฉิ่มให้เป็นสาวสวยให้ได้ ถ้าอยากรู้ว่าสุดท้ายแล้วเฮนรี่กับเอไลซ่าได้ลงเอยกันมั้ย ก็ต้องลองอ่านดูเองค่ะ แม้โดยรวมเรื่องนี้ดูจะค่อนไปทางคอเมดี้แต่ก็สอดแทรกแนวคิดเรื่องชนชั้นสูงของอังกฤษและบทบาทของผู้หญิงในสังคมยุคนั้นไว้ด้วยเช่นกัน นอกจากอ่านสนุกแล้ว ยังได้เกร็ดประวัติศาสตร์อีกด้วยนะ
4. Emma โดย Jane Austen
เอ็มม่าเป็นนิยายคลาสสิกอีกเรื่องที่อ่านง่ายและเพลินมากเลยค่ะ เรื่องนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1815 แต่เนื้อหาไม่ได้ดูเชยเลย อ่านยุคนี้ก็ยังสนุกมากอยู่ค่ะ เรื่องราวว่าด้วย Emma (เอ็มม่า) สาวสวยสดใส ฉลาด หัวดื้อ ผู้ชอบจับคู่ให้คนนั้นคนนี้แต่ตัวเองสาบานว่าจะไม่แต่งงานเด็ดขาด แต่เธอก็มักทำผิดพลาดกับชีวิตคนอื่นอยู่เสมอ แถมยังค่อนข้างขี้มโน บางครั้งเธอก็ขัดขวางความรักคนอื่นเพราะมองว่าคู่นั้นไม่สมกันแบบในจินตนาการของเธอ ส่วนพระเอกของเรื่องคือ Mr. Knightley (คุณไนท์ลีย์) หนุ่มข้างบ้านที่เป็นคนเดียวที่กล้าวิจารณ์และขัดเอ็มม่าอยู่เสมอ มาดูกันว่าสุดท้ายแล้วทั้งคู่ลงเอยกันยังไง และคู่รักคู่อื่นในเรื่องที่เอ็มม่าไปยุ่งกับเขาเนี่ย จะสมหวังกันหมดมั้ย
ใครชอบนิยายแนวโรแมนติกคอเมดี้ไม่ควรพลาดเรื่องนี้เลยค่ะ นิยายเรื่องนี้ถูกนำไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ ละคร และละครเวทีมากมายหลายครั้ง ถ้าใครอยากลองดูเวอร์ชันภาพยนตร์ละก็ พี่แนะนำเรื่อง Clueless ที่อลิเซีย ซิลเวอร์สโดนเล่น และเรื่อง Emma ที่กวินเน็ธ พัลโธรว์เล่น สนุกมากๆ เลยค่ะ
ผลงานอื่นๆ ของเจน ออสเต็น ก็เป็นนิยายคลาสสิกที่ควรอ่านในโรงเรียนเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Sense and Sensibility, Pride and Prejudice หรือ Northanger Abbey ลองหาอ่านกันดูนะคะ
อีก 20 วรรณกรรมที่ควรอ่านก่อนเข้ามหาวิทยาลัย
1. Great Expectations โดย Charles Dickens
2. Walden โดย Henry David Thoreau
3. The Picture of Dorian Gray โดย Oscar Wilde
4. Joy Luck Club โดย Amy Tan
5. Adventures of Huckleberry Finn โดย Mark Twain
6. Looking for Alaska โดย John Green
7. The Catcher in the Rye โดย J.D. Salinger
8. The Crucible โดย Arthur Miller
9. Lord of the Flies โดย William Golding
10. The Count of Monte Cristo โดย Alexandre Dumas
11. Fahrenheit 451 โดย Ray Bradbury
12. The Handmaid's Tale โดย Margaret Atwood
13. Jane Eyre โดย Charlotte Brontë
14. Paradise Lost โดย John Milton
15. The Help โดย Kathryn Stockett
16. The Old Man and the Sea โดย Ernest Hemingway
17. The Hobbit โดย J.R.R. Tolkien
18. The Hound of the Baskervilles โดย Arthur Conan Doyle
19. Gulliver's Travels โดย Jonathan Swift
20. Waiting for Godot โดย Samuel Beckett