KhonThai America : คนไทยในอเมริกา

ชื่อกระทู้: 20 คำถามยอดนิยมสำหรับเรียนต่อต่างประเทศ [สั่งพิมพ์]

โดย: LinZ เวลา: 2013-1-14 06:49
ชื่อกระทู้: 20 คำถามยอดนิยมสำหรับเรียนต่อต่างประเทศ

สอบ TOEFL ในเมืองไทยกับเมืองนอก อย่างไหนจะดีกว่ากัน
หากต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย ต้องการความสะดวกสบาย สอบที่เมืองไทยดีที่สุด เพราะบ้านเราเอง อยากทำอะไรก็ง่ายกว่าอยู่แล้ว แต่ถ้าต้องการฝึกภาษา พร้อมกับการเรียนภาษาเพื่อการสอบด้วย ไปสอบที่เมืองนอกก็ได้ แต่บอกไว้ก่อนนะ ว่ามีค่าใช้จ่ายสูงกว่าอยู่เมืองไทยหลายเท่า
ปกติจะได้รับผลสอบ TOEFL หลังจากวันที่สอบเสร็จนานเท่าไร และมีวิธีไหนบ้างที่จะได้ทราบผลสอบเร็วขึ้น
สำหรับเมืองไทย ผู้สอบจะได้รับผลสอบหลังวันสอบเสร็จประมาณ 1 เดือน แต่ทางมหาวิทยาลัยที่
ผู้สอบต้องการให้จัดส่งไปจะได้รับเร็วกว่านั้น และหากผู้สอบต้องการทราบผลเร็วกว่าปกติ สามารถโทร. สอบถามได้ โดยเสียค่าบริการ 10 ดอลล่าสหรัฐ
ต้องการสอบ IELTS แต่ไม่รู้ว่าสอบที่ไหนดี ระหว่าง IDP กับ British Council
สะดวกที่ไหน ก็ไปสมัครสอบที่นั่นเลย เพราะทั้งสองที่มีคุณภาพ และมาตรฐานเท่าเทียมกัน ค่าสอบก็เท่ากัน และข้อสอบก็มีความยาก ง่ายไม่ต่างกัน เพราะมาจากมาตรฐานเดียวกัน
จะไปสมัครเรียนต่อปริญญาโทที่ออสเตรเลีย ใช้ผลสอบ TOEFL ยื่นได้ไหม
หลายๆ มหาวิทยาลัยในออสเตรเลียยอมรับผล TOEFL เช่นกัน แต่อาจต้องการผลคะแนนที่สูงกว่า IELTS เล็กน้อย ขึ้นอยู่กับแต่ละสถาบัน ซึ่งจะบอกไว้ในระเบียบการสมัครสอบ
อยากทดลองทำข้อสอบ TOEFL รูปแบบใหม่ จะหาได้จากไหน
ถ้าถามถึงแบบฝึกหัดเป็นเล่มๆ ที่ขายตามร้านหนังสือ ตอนนี้ยังมีหรอก แต่สามารถเข้าไปทดลองทำข้อสอบได้ที่ http://www.ets.org/toefl/nextgen/samples/index.html
ข้อสอบ TOEFL ในรูปแบบใหม่ที่มี Speaking เพิ่มเข้ามา ยากกว่าข้อสอบ Speaking ของ IELTS หรือเปล่า
คงยากที่จะฟันธงลงไปได้ว่าอย่างไหนยากกว่ากัน แต่ทั้ง 2 อย่างมีความแตกต่างกันที่ ข้อสอบ Speaking ของ TOEFL จะเป็นการพูดในเชิงวิชาการมากกว่า และมีการวิเคราะห์ข้อมูล ที่ต้องพูดอย่างมีเหตุผล มีความน่าเชื่อถือประกอบด้วย ในขณะที่การสอบ IELTS จะออกไปในเชิงความรู้ทั่วไปมากกว่า
เมื่อข้อสอบ TOEFL เปลี่ยนไปมากขนาดนี้ การเรียนพิเศษเพื่อเตรียมสอบ TOEFL ต้องเปลี่ยนไปด้วยหรือเปล่า
เรียกว่าปฏิรูปการเตรียมตัวสอบใหม่เลยก็ได้ เพราะนอกจากผู้สอบจะต้องมีความรู้ด้าน Grammar ชนิดรู้จริงแล้ว ยังต้องนำความรู้นั้นมาใช้ได้จริงทั้งในชีวิตประจำวัน และเน้นหนักไปในเชิงวิชาการ เพราะฉะนั้นจะนั่งอ่านตำราเตรียมสอบอย่างเดียวไม่ได้แล้ว ว่างๆ ก็ต้องหัดพูด หัดฟัง หัดเขียนด้วย
การวัดความรู้ทางภาษาสำหรับแอร์โฮสเตส มีแค่ TOEIC อย่างเดียวหรือเปล่า
บางสายการบินอาจต้องการผลคะแนน TOEFL โดยเฉพาะสายการบินในแถบยุโรป
สอบ TOEFL มา 5 ครั้งแล้ว ยังไม่ผ่านเสียที จะทำอย่างไรดีครับ
รีบไปสอบครั้งที่ 6 ให้ผ่าน เพราะถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้จน TOEFL เปลี่ยนระบบ อาจต้องใช้เวลานานกว่าเดิมกว่าจะได้คะแนนสอบตามที่ต้องการ
ต้องการเรียนต่อปริญญาโทภาคอินเตอร์ในเมืองไทย ต้องสอบ TOEFL IELTS หรือ TOEIC
ใช้คะแนน TOEFL หรือ IELTS เพื่อสมัครสอบ ส่วนคะแนน TOEIC ส่วนใหญ่ จะใช้เพื่อสมัครงานมากกว่า
ควรเตรียมตัวอย่างไรก่อนเข้าห้องสอบ จะได้ไม่รีบ ไม่ลน
ประการแรก ส่วนใหญ่จะลนเพราะคิดว่าจะไม่ทันเวลา จึงต้องฝึกทำข้อสอบให้ทันกับเวลาที่กำหนดให้ จะได้คุ้นเคยกับเวลาที่จำกัดในตอนสอบ
ประการที่สอง ฝึกฝนความแม่นยำ และอย่าลังเลในการตอบ เพราะจะเกิดความไม่มั่นใจ และเสียเวลาในการสอบมาก

ประการสุดท้าย หาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ เพราะข้อสอบไม่ได้ออกแค่ความรู้ในตำราเท่านั้น แต่ยังสอดแทรกความรู้รอบตัว และข่าวความเคลื่อนไหวในสังคมด้วย
มีปัญหาอะไรแปลกๆ บ้าง ที่อาจเจอในห้องสอบ
ปัญหาในห้องสอบมีเยอะมาก แต่ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นเลยคือ ปวดท้อง และต้องการเข้าห้องน้ำระหว่างการ
สอบ ซึ่งจะทำให้เสียเวลาโดยปริยาย ฉะนั้นอย่าทานอะไรมากเกินไป หรือทานของแปลกก่อนเข้าห้องสอบ
ข้อสอบ GMAT ที่ว่ายาก ยากตรงไหน
ในบรรดาการสอบคณิตศาสตร์ GMAT นับเป็นการสอบที่ยากที่สุด เพราะต้องสอบเป็นภาษาอังกฤษและยังต้องใช้การวิเคราะห์เพื่อตอบปัญหา ที่ต้องสอบกันยากขนาดนี้ เพราะเป็นการวัดความรู้สำหรับผู้ที่ต้องการเรียนต่อด้านบริหาร นอกจากคิดเลขเก่งแล้ว ยังต้องวิเคราะห์เก่งด้วย
มีข้อสอบ GAMT GRE และ SAT ที่สอบเป็นภาษาไทยบ้างหรือเปล่า
ทั้งสามประเภทเป็นข้อสอบของ ETS (Educational Testing Service) ซึ่งมาจากอเมริกา จึงไม่มีข้อสอบ
ที่เป็นภาษาไทย
การสอบ USMLE ต้องสอบที่เมืองไทยหรือต่างประเทศ
ต้องสอบทั้งในไทยและต่างประเทศ USMLE Step 1 และ Step 2 (CK) เป็นการสอบข้อเขียน สามารถสอบได้ที่ศูนย์สอบ IIE ในเมืองไทย และ USMLE Step 2 (CS) และ Step 3 เป็นการสอบปฏิบัติซึ่งต้องสอบที่ประเทศอเมริการเท่านั้น
SAT มีข้อสอบอยู่ 2 ประเภทคือ General Test และ Subject Test 2 ประเภทนี้ต่างกันอย่างไร
General Test เป็นการสอบวัดความรู้พื้นฐานทั่วไปในแต่ระดับ ซึ่งทุกคนต้องสอบถ้าต้องการเรียนต่อในมหาวิทยาลัย
Subject Test เป็นการวัดความรู้เฉพาะทาง ซึ่งจะมีหลายวิชาให้เลือกสอบ เช่นความถนัดทางศิลปะ วิทยาศาสตร์ หรือวิศวกรรมศาสตร์
จำเป็นไหมที่ต้องสอบ Subject Test
ไม่จำเป็นต้องสอบทุกคน เพราะเป็นการวัดความรู้ ความสามารถเฉพาะทาง ขึ้นอยู่กับว่าผู้สอบต้องการ
เรียนต่ออะไร และทางสถาบันต้องการผลคะแนนนี้หรือไม่ เช่นสมัครเรียนวิศวกรรม บางสถาบันอาจต้องการคะแนนความถนัดทางวิศวกรรม แต่สถาบันอื่นอาจไม่ต้อง (ขึ้นอยู่กับคุณภาพของสถาบันด้วย สถาบันที่ดี มีชื่อเสียง ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องมีเงื่อนไขการสมัครที่เยอะหน่อย) ก่อนตัดสินใจสอบจึงควรดูเงื่อนไขของสถาบันด้วย
อยากเรียนบริหาร แต่ไม่อยากสอบ GMAT มีผลคะแนนอื่นที่พอจะทดแทนกันได้หรือไม่
ไม่มี แนะนำให้เปลี่ยนไปเรียนในประเทศที่ใช้ระบบการเรียนแบบอังกฤษ อย่างประเทศออสเตรเลีย หรือ
อังกฤษ เพราะจะทดสอบความรู้ด้านภาษา และดูคะแนน GPA เท่านั้น
อยากเรียนต่อปริญญาโท สาขาวิศวกรรมที่ประเทศญี่ปุ่น ต้องสอบ GRE หรือเปล่า
ไม่จำเป็น เพราะผู้ที่สอบ GRE คือผู้ที่ต้องการศึกษาต่อในระบบอเมริกาเท่านั้น แต่ทั้งนี้ในประเทศอื่นๆ ก็อาจมีเงื่อนไขการสมัครเรียนที่ต่างกัน ก่อนเลือกสมัครในสถาบันใดจึงต้องศึกษาให้ดี
จริงหรือเปล่า ที่ว่ากันว่าคณิตศาสตร์ของ GRE ยากมาก
หากวัดความรู้จากมาตรฐานของนักเรียนไทย ถือว่าไม่ยาก เพราะเป็นหลักสูตรของนักเรียนไม่เกินระดับมัธยมปลาย ไม่มีการพลิกแพลงมากเท่า GMAT แต่ถ้านักเรียนคนนั้นเกเร ไม่ตั้งใจเรียน บวกเลขยังงงๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าข้อสอบ GRE จะยากเกินไปสำหรับเขาไหม

บทความจาก sanook.com

ยินดีต้อนรับสู่ KhonThai America : คนไทยในอเมริกา (http://www.khonthaiamerica.com/)