ice999 โพสต์เมื่อ 2015-12-29 15:41:49

รัฐต่าง ๆ ในประเทศอเมริกา 50 รัฐ (ตอนที่1)

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ice999 เมื่อ 2015-12-29 15:33



1. Alabama (อลาบามา)


https://bnnbnlb.files.wordpress.com/2014/01/alabama-usa.jpg?w=190&h=300 (แผนที่รัฐอลาบามา)
เป็นรัฐที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกามีพื้นที่ทั้งหมด 135,775 ตารางกิโลเมตร และมีประชากร 4,447,100 คน อักษรย่อของที่ทำการไปรษณีย์สหรัฐคือ AL เมืองขนาดใหญ่  เบอร์มิงแฮม มอนต์กอเมอรี เป็นรัฐมีจำนวนสปีชี่ส์สิ่งมีชีวิตหลากหลายที่สุดในประเทศ โดยส่วนมากจะอยู่บริเวณแม่น้ำของรัฐ




2.Alaska (อลาสกา)

https://bnnbnlb.files.wordpress.com/2014/01/alabama.jpg?w=300&h=224

รวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับสหรัฐอเมริกา นับเป็นรัฐที่ 49 มีจำนวนประชากร 626,932 คน (พ.ศ. 2543) ชื่อ อะแลสกา นั้นน่าจะเพี้ยนมาจากคำในภาษาแอลิอุต ซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่นว่า “Alyeska” แปลว่า “ดินแดนที่ไม่ใช่เกาะ” 18 ตุลาคม 1867 หรือเมื่อประมาณ145ปีที่แล้ว เป็นวันที่อะแลสกาของรัสเซีย เข้ามาอยู่ภายใต้การปกครองของสหรัฐโดยสมบูรณ์ โดยในวันนั้น ที่เมือง โนวา – อาร์คานเกลสค์ เมืองหลวงอะแลสกาของรัสเซีย ที่ต่อมาถูกเปลี่ยนกลับมาใช้ชื่อเดิมคือ ซิทก้า ได้มีพิธีส่งมอบคาบสมุทรแห่งนี้ให้กับสหรัฐตามประวัติ เชื่อว่าคนเชื้อสายเอเชีย อพยพข้ามช่องแคบแบริ่ง เข้ามาลงหลักปักฐานที่อะแลสการาวเมื่อ 1 หมื่น 2 พันปีก่อน การเข้าไปติดต่อกับคนที่นี่ของชาวยุโรป เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1741 เมื่อ วิตุส แบริ่ง เดินทางไปที่นั่นกับเรือเซ็นต์ปีเตอร์ เพื่อทำการสำรวจให้กับกองทัพเรือรัสเซีย และเมื่อคณะสำรวจกลับออกมา ขนสัตว์จากที่นั่นก็ได้รับการยกย่องว่ามีคุณภาพดีเยี่ยม คณะนักค้าขนสัตว์เล็กๆจึงเริ่มมาที่อะแลสกา โดยหลักฐานการตั้งหลักฐานของชาวยุโรปที่นี่ว่าเกิดขึ้นในปี 1784 ตั้งแต่ ช่วงต้นจนถึงช่วงกลางทศวรรษที่ 1800 รัสเซียและสหรัฐเริ่มเข้ามาสำรวจอะแลสกา เพื่อโครงการขยายอาณานิคม แต่รัสเซียไม่เคยผนวกอะแลสกาเป็นอาณานิคมโดยสมบูรณ์ และก็ไม่ได้หาประโยชน์จากดินแดนแห่งนี้มากนัก ผิดกับฝ่ายสหรัฐที่ได้แสดงความสนใจในดินแดนแห่งนี้ ข้อ ตกลงเรื่องการขายอะแลสกา ลงนามโดยนายวิลเลี่ยม เซวาร์ด รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเมื่อ 30 มีนาคม 1867 งานนี้ ฝ่ายอเมริกันต้องจ่ายเป็นค่าดินแดนขนาด 1 ล้าน 5 แสนตารางกิโลเมตรเพียง 7 ล้าน 2 แสนดอลล่าร์ หรือเทียบเท่ากับ 11 ล้านรูเบิ้ลทองคำใน ยุคปัจจุบันนี้ นักประวัติศาสตร์หลายคนออกมาตำหนิการตัดสินพระทัยขายอะแลสกาของพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 ว่ามองการณ์ใกล้ และไม่มีความรักชาติเอาเสียเลย ขายไปได้ยังไง คนรัสเซียที่อยู่ที่นั่นก็ตั้งมากมาย แต่นักประวัติศาสตร์หลายคนบอกว่าในยุคที่ขายนั้น คนรัสเซียในอะแลสกามีอยู่แค่ไม่กี่ร้อยคน ทรัพยากรธรรมชาติมีค่าอะไรก็ยังหาไม่พบส่วนทางฝ่ายสหรัฐฯ หลายคนในยุคนั้น มองไม่เห็นประโยชน์ของการซื้ออะแลสกา ดินแดนที่ทั้งไกลก็ไกล ร้างผู้คนก็ร้าง สื่อมวลชนในยุคนั้นก็ล้อเลียนรัฐบาลว่าเสียเงินไปมากมายเพื่อซื้อก้อนน้ำแข็ง ถึงขั้นมีข่าวลือว่า นักการทูตรัสเซียยัดเงินใต้โต๊ะ ให้ข้าราชการสหรัฐเดินเรื่องเพื่อให้มีการซื้อขาย เพิ่งจะปลายศตวรรษที่ 19 เท่านั้น ที่เริ่มมีการค้นพบทองคำ ต่อมาก็ยังพบน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอีกมากมายมหาศาลตอน แรกเมื่อมาอยู่กับสหรัฐ อะแลสกา อยู่ในการดูแลของกระทรวงการทหาร ต่อมาก็ถูกยกระดับสถานะเรื่อยมา จนได้เป็นรัฐที่ 49 ของสหรัฐ เมื่อ 1959



อะแลสกา(alaska) อดีตขุมทองที่รุ่งเรืองขนาดที่มีคนแต่งเพลงขึ้นเหนือไปอะแลสกา หรือ “North to Alaska” บอกเล่าเรื่องราวของนักแรมทางที่บุกเบิกไปสู่ดินแดนเหนือสุดขั้วโลก ปัจจุบันได้กลายมาเป็นดินแดนธรรมชาติอันบริสุท เต็มไปด้วยทิวทัศที่งดงามบนเส้นทางท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญ อาจกล่าวได้ว่าเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่ดีที่สุดเส้นหนึ่งในโลกที่ใครๆก็ใฝ่ฝันจะได้สัมผัสสักครั้งในชีวิต เริ่มต้นจากเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา เรือสำราญและเรือเฟอร์รี่ทั้งหลายออกเดินทางเลียบชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปอเมริกาเหนือ เข้าไปสู่เส้นทางเดินเรือที่เรียกกันว่า Inside Passageเป็นการเดินทางอยู่ท่ามกลางเกาะแก่งและชายฝั่งอันหยึกหยักไปตลอดแนว เรือสำราญจะไปเทียบท่าแห่งแรกที่เมืองเคตซิกันอันเป็นเมืองหน้าด่านของอะแลสกา และเป็นศูนย์รวมของการเลี้ยงปลาแซลมอน ท่าเรือที่สองคือจูโน เมืองหลวงของอะแลสกา ไปจนถึงท่าเรือที่สามคือเมืองสแกกเวย์ เมืองเก่าที่เต็มไปด้วยสีสันมีเส้นทางรถไฟที่โด่งดังที่สุดคือไวท์พาส (White Pass) ต่อจากนั้นคือการล่องเรือสำราญเข้าไปยังอุทยานแห่งชาติอ่าวกลาเซียร์ และคอลเล็จ ฟยอร์ด อันเป็นธารน้ำแข็งที่งดงามตระการ และสามารถชมได้จากทางเรือเท่านั้น
https://bnnbnlb.files.wordpress.com/2014/01/screen-shot-2554-09-17-at-1-54-26-pm.png?w=300&h=186

เคตชิกัน (Ketchikan)เป็นเมืองแรกบนชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของอะแลสกา ตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณปากอ่าวที่ห้วยเคตชิกันไหลลงมา คลาคล่ำไปด้วยฝูงปลาแซลมอนในฤดูวางไข่ ทำให้เมืองนี้มีอุตสาหกรรมผลิตปลาแซลมอนมากที่สุดจนได้รับสมญานามว่า“Salmon Capitan”ตัวเมืองติดกับท่าเรือ เดินชมไปได้จนถึงชุมชนเก่าริมน้ำซึ่งเป็นบ้านไม้ในยุคบุกเบิกที่สีสันสวยงาม มีทางเดินเลียบถนนชายคลอง บ้านช่องกลายเป็นบูติก ร้านขายสินค้าท้องถิ่นและของที่ระลึก นอกจากนี้ยังมีรายการท่องเที่ยวออกไปนอกเมือวที่น่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการล่องเรือสู่มิสตีฟยอร์ด(Misty Fjord)ซึ่งเป็นบริเวณที่ฝนตกชุก ตามภูผาที่ขนาบทั้งสองฝั่งแม่น้ำที่คดเคี้ยวไปมาจึงเต็มไปด้วยธารน้ำตก สามารถขึ้นเครื่องบินน้ำเพื่อชมความงามทางอากาศได้อีกด้วย
https://bnnbnlb.files.wordpress.com/2014/01/the-harvard-and-yale-glaciers-may-2008.jpg?w=300&h=225
คอลเล็จ ฟยอร์ด (College Fjord)ตั้งอยู่ในเวิ้งอ่าวใหญ่ของPrince William Soundซึ่งก่อให้เกิดเป็นฟยอร์ดหรือชายฝั่งที่เว้าแหว่ง และในคอลเล็จ ฟยอร์ดนี้มีธารน้ำแข็งริมทะเลถึง 5 สาย การชมธารน้ำแข็งเหล่านี้จึงต้องล่องเรือเข้าไปในฟยอร์ดยามอรุณรุ่งจะเป็นบรรยกาศที่งดงามที่สุดทีเดียวฤดูกาลที่แนะนำ สามารถเดินทางท่องเที่ยวตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคน-กลางเดือนกันยายนซึ่งเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ช่วงที่อากาศแจ่มใสที่สุดคือเดือนมิถุนายน-สิงหาคม ส่วนช่วงฤดูใบไม้ร่วงป่าและทุ่งหญ้าจะเปลี่ยนสีสวยงามกิจกรรมแนะนำขึ้นเครื่องบินท่องเที่ยวซึ่งมีอยู่ทุกท่าเรือ นั่งเรือชมสัตว์ทะเล ชมสัตว์ป่า หมีสีน้ำตาล

3.Arizona (อริโซนา)https://bnnbnlb.files.wordpress.com/2014/01/arizona-e0b8ade0b8a3e0b8b4e0b982e0b88be0b899e0b8b2.jpg?w=235&h=300แผนที่รัฐอริโซนาเป็นรัฐขนาดใหญ่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา ติดกับประเทศเม็กซิโกทางทิศใต้ เป็นหนึ่งในสี่รัฐมุมซึ่งมุมทางตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐชนกับอีก 3 รัฐพอดี เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของรัฐคือ ฟีนิกซ์ เมืองสำคัญอื่นๆ ได้แก่ ทูซอน และเมซา ภูมิประเทศส่วนใหญ่ในรัฐมีลักษณะเป็นทะเลทราย มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในรัฐได้แก่ มหาวิทยาลัยแอริโซนาสเตตและ มหาวิทยาลัยแอริโซนา สถานท่องเที่ยวที่สำคัญของรัฐคือ แกรนด์แคนยอน และ แอนเทโลปแคนยอน ทีมกีฬาที่มีชื่อเสียงในรัฐได้แก่แอริโซนา คาร์ดินาลส์ และ ฟีนิกซ์ ซันส์ในปี 2551 แอริโซนามีประชากรประมาณ 6,338,755 คนไม่เพียงแต่จะมีภูมิประเทศเป็นสีแดงเท่านั้น รัฐนี้ยังสามารถผลิตทองแดงได้มากที่สุดในประเทศด้วย

https://bnnbnlb.files.wordpress.com/2014/01/arizona.jpg?w=300&h=160แกรนด์ แคนยอนhttps://bnnbnlb.files.wordpress.com/2014/01/dsfsdf.jpg?w=300&h=199
แกรนด์ แคนยอน (Grand Canyon) ตั้งอยู่ในรัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ความน่าอัศจรรย์ของแกรนด์แคนยอนอยู่ที่ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ โดยถือกำเนิดจากการกัดเซาะของกระแสน้ำ การจะรู้ถึงแหล่งกำเนิดของ “แกรนด์แคนยอน” คงต้องขอย้อนอดีตกลับไปนานอักโขในช่วงหลายร้อยล้านปีที่ผ่านมา สายน้ำโคโลราโด (Colorado) ที่มีสภาพเป็นเพียงลำธารเล็กๆได้ไหลคดเคี้ยวตามที่ราบกว้าง ใหญ่ที่อยู่ระดับเดียวกับน้ำทะเล ต่อมาพื้นโลกเริ่มยกตัวสูงขึ้นเนื่องมาจากแรงดันและความร้อนอันมหาศาล ภายใต้พื้นโลก ทำให้เกิดการเปลี่ยนรูปและกลายเป็นแนวหน้าผากว้างใหญ่https://bnnbnlb.files.wordpress.com/2014/01/image.jpg?w=300&h=199 ซึ่งการยกตัวของแผ่นดินทำให้ทางที่ลำธารไหลผ่านลาดชันขึ้นและทำให้น้ำไหลแรงมากขึ้น พัดเอาทรายและตะกอนไปตามน้ำเกิดการกัดเซาะลึกลงไปทีละน้อยๆในเปลือกโลก การสึกกร่อนพังทลายของหิน บวกกับแรงลมและแสงแดดได้ดำเนินมานานหลายล้านปี จนเกิดเป็น “แกรนด์แคนยอน” ภูมิประเทศอันน่าพิศวงนี่เองhttps://bnnbnlb.files.wordpress.com/2014/01/z.jpg?w=300&h=2253.Arkansas (อาร์คันซอ)


https://bnnbnlb.files.wordpress.com/2014/01/arkansas-e0b8ade0b8b2e0b8a3e0b98ce0b884e0b8b1e0b899e0b88be0b8ad.jpg?w=300&h=270
(แผนที่รัฐอาร์คันซอ)เป็นรัฐทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา มีประชากร 2,752,629 (สัมมโนปี พ.ศ. 2547) อาร์คันซอเข้าร่วมเป็นหนึ่งในสหรัฐอเมริกาเป็นอันดับที่ 25 ในวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2379 (ค.ศ. 1836) อาร์คันซอเป็นชื่อที่ตั้งจากชาวฝรั่งเศสในช่วงที่บุกเบิกดินแดน ซึ่งมีความหมายว่า “ปลายน้ำ” เป็นรัฐที่ผลิตข้าวได้มากที่สุดในประเทศ (46%) อาร์คันซอเป็นบ้านเกิดของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา บิล คลินตัน และแซม วอลตัน เจ้าของธุรกิจ วอล-มาร์ต และ พอล คลิปช์ ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องเสียง คลิปช์ (Klipsch) (ปัจจุบันย้ายไปที่ รัฐอินดีแอนา)
4.California (แคลิฟอร์เนีย)
https://bnnbnlb.files.wordpress.com/2014/01/california-e0b981e0b884e0b8a5e0b8b4e0b89fe0b8ade0b8a3e0b98ce0b980e0b899e0b8b5e0b8a2.jpg?w=300&h=289(แผนที่รัฐแคลิฟอร์เนีย)
เป็นรัฐที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา ติดมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดและมีพื้นที่เป็นอันดับสามในสหรัฐฯ อักษรย่อของที่ทำการไปรษณีย์สหรัฐคือ CA มีชื่อเล่นว่า “The Golden State” ซึ่งมีที่มาจากทุ่งหญ้าที่เปลี่ยนเป็นสีทองในฤดูแล้ง (ไม่เกี่ยวกับการตื่นทองในรัฐแคลิฟอร์เนียแต่อย่างใด) ประชากรส่วนมากอยู่ทางใต้ของรัฐมากกว่าทางตอนเหนือแคลิฟอร์เนียรัฐเดียวผลิตผลิตภัณฑ์มวลรวมจำนวนถึง 14% ของประเทศสหรัฐอเมริกาทั้งหมด และยังเป็นรัฐที่ผลิตได้มากเป็นอันดับหนึ่ง ถ้าลองมองแคลิฟอร์เนียแยกเป็นประเทศอิสระ จะเป็นประเทศที่มีผลิตภัณฑ์มวลรวมสูงเป็นอันดับ 6 ของโลก ถัดจากประเทศฝรั่งเศส ภาคเกษตรกรรมเป็นอาชีพที่สำคัญที่สุด ตามมาด้วยอวกาศยาน และธุรกิจบันเทิง และธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่กำลังเติบโตในย่านซิลิคอนแวลลีย์มีเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และเป็นอันดับ 8 ของโลก นอกจากนี้ยังมีการพบเห็นUFO มากที่สุดด้วย เฉลี่ยปีละ 6,331 ครั้ง
https://bnnbnlb.files.wordpress.com/2014/01/usa_california_torrance_candy-cane-lane.jpg?w=300&h=157https://bnnbnlb.files.wordpress.com/2014/01/usa_california_san-francisco_alcatraz-island_shutterstock_89649199_fb.jpg?w=300&h=157https://bnnbnlb.files.wordpress.com/2014/01/usa_california_los-angeles_hollywoord_shutterstock_7335802_editorial-only_fb.jpg?w=300&h=157

5. Colorado (โคโลราโด)
https://bnnbnlb.files.wordpress.com/2014/01/colorado-e0b982e0b884e0b982e0b8a5e0b8a3e0b8b2e0b982e0b894.jpg?w=270&h=300(แผนที่รัฐโคโลราโด)
เป็นรัฐทางตอนกลางตะวันตกของประเทศสหรัฐอเมริกา โคโลราโดเป็นรัฐที่อยู่ในเขตเทือกเขาร็อกกีซึ่งครอบคลุมราวๆครึ่งหนึ่งของรัฐทางฝั่งตะวันตก ในขณะที่ฝั่งตะวันออกของรัฐเป็นที่ราบ กองสำรวจประชากรแห่งสหรัฐ ได้สำรวจว่า ในปี พ.ศ. 2549 มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 4,753,377 คน ซึ่งเพิ่มขึ้น 10.49 เปอร์เซ็นต์จากปี พ.ศ. 2543 และโคโลราโดเป็นรัฐที่มีประชากรกวางเอลก์ อาศัยอยู่มากที่สุดในสหรัฐอเมริกา
https://bnnbnlb.files.wordpress.com/2014/01/colorado.jpg?w=300&h=200
แม้จะเป็นผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ที่สุดในประเทศ รัฐนี้กลับได้ชื่อว่าเป็นรัฐที่หุ่นดีที่สุดถึงสองปีซ้อน

6.Connecticut (คอนเน็กติคัต)
https://bnnbnlb.files.wordpress.com/2014/01/connecticut-e0b884e0b8ade0b899e0b980e0b899e0b987e0b881e0b895e0b8b4e0b884e0b8b1e0b895.jpg?w=300&h=212(แผนที่รัฐคอนเน็กติคัต)
เป็นรัฐทางตะวันออก ในสหรัฐอเมริกาอยู่ในเขตนิวอิงแลนด์ เมืองหลวงของคอนเนตทิคัตคือ ฮาร์ตฟอร์ด ชื่อของคอนเนตทิคัต มาจากชื่อของอินเดียนแดงเผ่าโมฮีแกน จากคำว่า “Quinnehtukqut” หมายถึง ดินแดนแห่งแม่น้ำสายยาว มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในรัฐได้แก่ มหาวิทยาลัยเยล และ มหาวิทยาลัยคอนเนตทิคัตที่มีชื่อทางด้านบาสเกตบอล เป็นรัฐที่ประชาชนมีความเป็นอยู่ดีที่สุดโดยพิจารณาจากสุขภาพ การศึกษา และรายได้
https://bnnbnlb.files.wordpress.com/2014/01/connecticut.jpg?w=300&h=225

7.Delaware (เดลาแวร์)

https://bnnbnlb.files.wordpress.com/2014/01/delaware-e0b980e0b894e0b8a5e0b8b2e0b981e0b8a7e0b8a3e0b98c.jpg?w=169&h=300(แผนที่รัฐเดลาแวร์)
เป็นรัฐของสหรัฐอเมริกาตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของประเทศ รัฐเดลาแวร์ เป็นรัฐที่เล็กอันดับ 2 ของรัฐทั้งหมดรองจากรัฐโรดไอแลนด์ เมืองหลวงของรัฐเดลาแวร์คือ โดเวอร์ ตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของรัฐ เดลาแวร์เป็น 1 ใน 13 รัฐแรกของสหรัฐอเมริกา และรัฐเดลาแวร์นี้ เป็นรัฐที่ก่อตั้งเป็นรัฐแรกของสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2330 และเป็นรัฐที่มีเปอร์เซ็นต์นักวิทยาศาสตร์และวิศวกรที่จบปริญญาเอกมากที่สุดhttps://bnnbnlb.files.wordpress.com/2014/01/delaware.jpg?w=300&h=220

8.Florida (ฟลอริดา)
https://bnnbnlb.files.wordpress.com/2014/01/florida-e0b89fe0b8a5e0b8ade0b8a3e0b8b4e0b894e0b8b2.jpg?w=278&h=300(แผนที่รัฐฟลอริดา)
เป็นรัฐที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา เป็นที่รู้จักกันในนาม ซันไชน์สเตต (Sunshine State) มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นแหลมตั้งอยู่ระหว่าง อ่าวเม็กซิโก, มหาสมุทรแอตแลนติก และช่องแคบฟลอริดา คำว่า “ฟลอริดา” เป็นภาษาสเปนซึ่งหมายถึง “ที่ซึ่งอุดมไปด้วยดอกไม้” ชื่อของแหลมฟลอริดาตั้งชื่อโดยควน ปอนเซ เด เลออง (Juan Ponce de León) ซึ่งมาเทียบที่ชายฝั่งเมื่อ 2 เมษายน พ.ศ. 2056 (ค.ศ. 1513) ในช่วงเทศกาล “ปัสกวาโฟลรีดา” (Pascua Florida) หรือช่วงเทศกาลอีสเตอร์ของชาวสเปน วันปัสกวาโฟลรีดาจัดขึ้นในวันที่ 2 เมษายนของทุกปี และยังเป็นวันหยุดราชการด้วย ฟลอริดาเป็นหนึ่งในเจ็ดรัฐที่ไม่เก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาhttps://bnnbnlb.files.wordpress.com/2014/01/florida.jpg?w=300&h=196สวนสนุก Disney World
ที่มา https://bnnbnlb.wordpress.com/50 ... %E0%B8%97%E0%B8%A8/
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: รัฐต่าง ๆ ในประเทศอเมริกา 50 รัฐ (ตอนที่1)