สถาบันสอนภาษาค่าเทอมถูก
นักเรียนหลายๆคนที่หาข้อมูลสถาบันสอนภาษา แล้วบังเอิญไปเจอหลายๆที่ ที่ค่าเทอมถูกเหลือเชื่อ อาจจะสงสัยนะครับว่า ทำไมเค้าถึงคิดค่าเทอมถูกขนาดนั้น จากประสบกาณ์ที่เคยเจอมา สถาบันพวกนี้เป็นสถาบันประเภทกดต้นทุนให้ต่ำๆ ด้วยการจ้างครูสอนภาษาค่าแรงต่ำ และครูพวกนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้จบด้านสอนภาษาอังกฤษมา ส่วนใหญ่จะเป็นคนอเมริกันที่ตกงานและหาอะไรทำระหว่างรองานใหม่ ค่าแรงต่ำแค่ไหนเหรอครับ ก็ค่าแรงพอๆกับคนเลี้ยงเด็กตามบ้าน
ถ้าจะถามว่าสอนดีไหม เค้าสอนตามหนังสือครับ เพราะไม่ได้เรียนเทคนิคการสอนอะไรมา อาจจะอาศัยที่เคยเรียนแกรมม่าตอนเรียนไฮสคูล ก็เลยจำมาสอน เหมือนให้เราไปสอนภาษาไทย เราก็พอจะสอนได้ใช่ไหมครับ แต่คงสอนได้ไม่ดีเท่าครูสอนภาษาไทยแน่นอน
และจากหลายๆเสียงคนที่เคยเรียนสถาบันที่ได้มาตรฐาน กับคนที่เคยเรียนสถาบันราคาถูกพวกนี้ ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าเรียนสถาบันที่ได้มาตรฐาน ความรู้ด้านภาษาพัฒนาไปเร็วกว่ามาก ส่วนสถาบันราคาถูก เรียนแค่เพื่อให้ได้อยู่อเมริกาต่อแค่นั้นเอง
สถาบันพวกนี้มักเป็นที่ที่คนที่หลบมาทำงานมาลงเรียนรักษาสภาพ เพื่อไม่ให้สถานะนักเรียนขาด อันนี้คือจุดใหญ่ที่ควรระวังให้มากๆครับ เพราะทาง immigration จะเข้ามาตรวจสอบสถาบันพวกนี้บ่อยๆ ถ้าสถาบันถูกปิดเพราะเปิดเป็นสถาบันสอนภาษาบังหน้า นักเรียนที่เรียนอยู่ที่สถาบันนั้นจะถูกส่งตัวกลับประเทศทุกคน และติดแบล๊คลิสห้ามเข้าอเมริกา สูงสุด 10 ปี ตอนถูกส่งกลับไม่สวยหรูเลยนะครับ ถูกกักตัวและส่งกลับเหมือนนักโทษ รับรองว่าไม่สนุกแน่ๆครับ
การขอวีซ่าโดยใช้ I-20 ของสถาบันพวกนี้ มีโอกาศผ่านน้อยครับ ขนาดคนทั่วไปยังรู้ว่านักเรียนที่มาลงเรียนกับสถาบันพวกนี้มาทำงานเป็นหลักทั้งนั้น เรียนแค่รักษาสภาพนักเรียน แล้วทางสถานทูตเค้าจะไม่มีข้อมูลสถาบันพวกนี้เลยเหรอครับ ผมเชื่อว่าสถานทูตมีข้อมูลเยอะกว่าผมแน่ๆ และถ้าโดนปฎิเสธวีซ่าเพราะใช้ I-20 จากสถาบันพวกนี้มาสมัคร ผมคิดว่าทางสถานทูตจะต้องบันทึกไว้แน่ครับว่านักเรียนคนนั้นไม่ได้มีจุดประสงค์มาเรียนจริงๆ การกลับมาขอวีซ่าครั้งต่อๆไปจะแทบหมดโอกาศไปเลยครับ อาจจะต้องเว้นระยะไปหลายๆปี
แล้วทำไมยังเปิดอยู่ได้แล้วมีคนมาเรียน คนเหล่านี้มาเรียนด้วยวิธีไหน?
ส่วนใหญ่ใช้วิธี Transfer ครับ (มาเรียนกับสถาบันมีชื่อเสียงก่อนแล้วค่อยย้ายที่เรียนทีหลัง หลังจากเรียนจบจากที่แรก) ใช้คำว่าส่วนใหญ่ เพราะก็มีบ้างที่มีคนที่สามารถขอวีซ่าโดยใช้ I-20 จากสถาบันพวกนี้ได้ แต่เป็นส่วนน้อย ขึ้นกับวิจารณญานของกงศุลที่สัมภาษณ์เราด้วย ว่าจะคิดว่าเราจะมาเรียนจริงๆ หรือมาทำงาน
Khonthai America ไม่รับทำเรื่องสมัครเรียนกับสถาบันพวกนี้ให้กับนักเรียนนะครับ และสำหรับนักเรียนที่เคยถูกปฎิเสธวีซ่าเพราะใช้ I-20 จากสถาบันพวกนี้ ทางเราอาจจะไม่รับทำเรื่องสมัครที่เรียนใหม่ให้นะครับ จะพิจารณาเป็นรายคน เพราะว่าถึงจะทำเรื่องขอวีซ่าให้ใหม่ กับสถาบันที่ได้มาตรฐาน ทางนักเรียนก็เคยเสียประวัติไปแล้วครับ โอกาศได้วีซ่าก็น้อยลงไป หลายๆคนอาจจะต้องเปลี่ยนไปเรียนประเทศอื่นแทนครับ
เขียนโดย: Livekernelevent หลินเจอน้องคนนึง ที่มาพร้อมหลิน รู้ว่าเค้าลงเรียนภาษาอีกที่ไว้ เป็นที่ถูกๆ ทีแรกแม่ก็หลินถามจะย้ายมั๊ยลูก อีกที่ถูกกว่านะ ถูกกว่ากันตั้งครึ่งนึงแต่พอถามหลายๆคน เค้าบอก สอนต่างกัน อีกที่จะสอนดีกว่า ด้วยความที่เราอยากได้ภาษา เลยคิดว่าเรียนที่นี่แหละดีแล้ว
ภาษาเราตอนที่มาตอนแรกก็เข้าขั้นห่วยแตก ได้ เลเวล 3 จาก 10 เลเวล (เรียนจบเราได้เลเวล 6 ใช้เวลา 6 เดือน พอพูดกับฝรั่งรู้เรื่อง)
หลังจากนั้นเกือบ 8 เดือนมาลงเรียนที่ใหม่ (ลองแบบถูกๆมั่ง) เราลดเลเวลตัวเองลงมา กะเอาพื้นฐานแน่นๆ มาเรียนใหม่ (อยู่ประมาณ เลเวล 4 ของที่ Intrax) มาเจอน้องคนเดิมที่มาพร้อมๆกับเราในที่เรียนภาษานี้ (ที่ๆน้องเค้ามาเป็นที่แรก ยังไม่ได้ย้ายไปไหน) น่าแปลกใจ ภาษาน้องเค้าไม่ได้ พัฒนาอย่างที่ควรเป็น ทั้งๆที่มาพร้อมกัน
อาจารย์ฝรั่งถามคำถามง่ายๆ แต่น้องเค้ายังไม่เข้าใจที่อาจารย์พูด ส่วนเราเรียนไม่มีปัญหา เพราะเราได้พื้นฐานมาจาก Intrax แล้ว ตอนนี้เหมือนมาทวนความรู้ สาเหตุเท่าที่ดู เพราะการจัดตารางเรียนแบบแปลกๆ และพื้นฐานที่ควรสอนเค้ากลับไม่ได้สอน สำหรับคนพื้นฐานไม่ดี มาเรียนมีงงแน่ๆ คุยกับเพื่อนๆในที่เรียนใหม่หลายคน บอกตรงกัน Intrax สอนดีกว่า (ย้ายมาจาก Intrax เหมือนกัน) ส่วนคนไหน ที่มาเริ่มเรียนที่นี่เลย หลายคน เรียนไม่รู้เรื่องต้องไปหาเรียนเสริมเพิ่มเติมเอาเอง
ทำให้เราคิดว่า ที่เรียนภาษามีผลจริงๆ
ถ้าใครอยากมาเรียน หรืออยากมาอยู่เมืองนอก ถ้าภาษาคุณยังไม่ดีจริงๆ แนะนำเลือกสถาบันที่ดีหน่อย ไม่อย่างนั้น คุณจะแทบไม่ได้อะไรจากการเรียนเลย แทนที่จะใช้เวลาเรียนแป๊บเดียว จะกลายเป็นยิ่งเสียเวลาเข้าไปใหญ่ แล้วถ้ามาอยู่เมืองนอก แต่ภาษาไม่แข็งแรง จะทำอะไรก็ลำบากต้องพึ่งคนอื่นไปซะหมด แต่ถ้าภาษาดี ตอนนั้น จะทำอะไรก็ง่ายแล้วค่ะ คุณจะได้ลู่ทางในการทำอะไรอีกเยอะกว่าคนไม่ได้ภาษามากๆ
หน้า:
[1]